กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--โฟร์ พี.แอดส์
กรมควบคุมโรค เตือนช่วงนี้ฝนตกและมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ให้ประชาชนระวังโรคฉี่หนู หลังพบผู้ป่วยแล้ว 1,299 ราย ใน 64 จังหวัด เสียชีวิต 10 ราย ภาคใต้ป่วยสูงสุด ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความรู้ป้องกันโรค โดยเฉพาะผู้ที่มีแผล หรือรอยถลอกที่เท้า ขา ควรหลีกเลี่ยงลุยน้ำย่ำดินโคลน หากพบป่วยไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่อง ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน สงสัยโทร 1422
นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุม กล่าวว่า ช่วงนี้มีฝนตกและมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ โรคเล็ปโตสไปโรสิสหรือโรคฉี่หนู จึงเป็นโรคที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จากข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2557 โดยการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 1,299 ราย ในพื้นที่ 64 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 10 ราย โรคฉี่หนูพบได้ทั้งผู้ที่อยู่ในชนบทและอยู่ในเมือง กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 35-54 ปี รองลงมา คือ 45-54 ปี และ 55-64 ปี ตามลำดับส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สตูล ระนอง ยะลา พังงา และกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต ประสานการดำเนินงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง และ อสม. เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค และการดูแลเมื่อมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ แต่อาจติดเชื้อและป่วยซ้ำได้ ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยในคนได้ โดยเชื้อจะอยู่ในฉี่ของสัตว์ โดยเฉพาะหนู ทั้งหนูนา หนูป่า หนูบ้าน หนูท่อ รวมทั้งสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัข แมว โค แพะ แกะ เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุของตา จมูก ปาก หรือผิวหนังปกติที่แช่น้ำเป็นเวลานาน และอาจติดเชื้อตรงจากการสัมผัสเชื้อและกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ โรคนี้แม้ว่ามียารักษาเฉพาะ แต่ถ้ารักษาช้า หรือซื้อยากินเอง อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่พบได้ทั่วโลก ขณะนี้พบได้ทุกภาคของประเทศไทย ถือเป็นโรคประจำถิ่น ผู้ติดเชื้อโรคนี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่องมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว เป็นต้น มีน้อยรายที่จะมีอาการรุนแรง และเสียชีวิต การป้องกันโรค
ไข้ฉี่หนู มีคำแนะนำดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะ เนื่องจากหากมีเชื้อฉี่หนูอยู่ ปริมาณเชื้อจะมีความเข้มข้นมาก และมีโอกาเสี่ยงติดโรคสูง 2. ผู้ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อโรค เช่นเก็บเกี่ยวข้าวหรือดำนาในแปลงนา ขอให้ให้สวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบู๊ท ป้องกันการเกิดบาดแผลที่ที่เท้า หรือที่ขา 3. หมั่นล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำชำระร่างกายหลังจากเสร็จภารกิจทำงาน 4. กำจัดขยะในบ้านเรือน ที่ทำงาน ให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู
"หากประชาชนมีอาการป่วยดังต่อไปนี้ คือมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง ปวดกระบอกตา หลังจากการลุยน้ำขัง ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคฉี่หนู และรีบไปพบแพทย์เพื่อรีบให้การรักษา เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดได้ อย่าซื้อยากินเอง ซึ่งจากการติดตามประวัติในกลุ่มที่เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มักจะซื้อยาไปกินเอง โดยเฉพาะยาแก้ที่มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้ด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นไข้ทั่วไปที่เกิดจากการทำงานหนัก จึงทำให้อาการรุนแรงขึ้น เชื้อโรคเข้าไปทำลายอวัยวะอื่น เช่นไต ทำให้ไตวาย เสียชีวิตได้ ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน สำนักโรคติดต่อทั่วไป 0 2590 3177 – 8 และ 02-590-3183 หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 " นายแพทย์โสภณ กล่าวปิดท้าย