ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน “แผ่นดินทองฯ” ที่ระดับ “BBB/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday October 18, 2005 08:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน (GOLD05OA และ GOLD088A) ของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนชื่อเสียงของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน ความสามารถในการจัดหาที่ดินในทำเลที่ดี ความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการแรก ตลอดจนรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่มีการใช้เงินกู้ในระดับสูง รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการบริหารการก่อสร้างในช่วงที่ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น และความผันผวนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถือเป็นปัจจัยที่ต้องระวัง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงการที่บริษัทได้จัดให้มีการจำนองที่ดินและอาคารเพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้ถือหุ้นกู้ด้วย ซึ่งบริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนมูลค่าหลักประกันต่อมูลค่าหุ้นกู้ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1.89 เท่าตลอดอายุของหุ้นกู้ GOLD05OA และไม่ต่ำกว่า 1.34 เท่าตลอดอายุของหุ้นกู้ GOLD088A
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะในตลาดบ้านจัดสรรระดับบนไว้ได้ และคาดว่ารายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการที่เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 2 แห่งของบริษัทมีความพร้อมให้บริการตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับเดียวกับในปัจจุบันต่อไปได้ในระยะปานกลาง และแม้ว่าทริสเรทติ้งเชื่อว่าการดำเนินงานของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบทันทีจาก
การลาออกของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท แต่ทริสเรทติ้งจะติดตามนโยบายและกลยุทธ์ของบริษัท ตลอดจนผลประกอบการภายใต้การบริหารงานของคณะผู้บริหารชุดใหม่อย่างใกล้ชิด
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 อยู่
ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้จากการที่รายได้ลดลง 901 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,002 ล้านบาท บริษัทมีผล
ขาดทุนจำนวน 48 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 เนื่องจากความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการบ้านเดี่ยวบางโครงการซึ่ง
ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้น้อยลงในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม The Infinity ส่ง
ผลให้บริษัทมีเงินสดรับจากเงินดาวน์จำนวน 300 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 ส่วนรายได้ค่าเช่าจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เพิ่มขึ้น 50% จากการที่ The Ascott Sathorn เปิดให้บริการอย่างสมบูรณ์ในครึ่งแรกของปี 2548 โดยรายได้จากค่าเช่าเซอร์วิส
อพาร์ทเมนท์ถือเป็นรายได้ที่มีความสม่ำเสมอและมีความผันผวนน้อยกว่ารายได้จากธุรกิจบ้านจัดสรร
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การแข่งขันในธุรกิจบ้านจัดสรรในปี 2548 คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากยังคงมีจำนวนบ้านจัดสรรเสนอขายเพิ่มขึ้นในขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ ราคาวัสดุก่อสร้างและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นน่าจะส่งผลทำให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง ในขณะเดียวกัน การปล่อยกู้ที่มีความระมัดระวังยิ่งขึ้นของธนาคารพาณิชย์จะเป็นปัจจัยจำกัดการขยายตัวของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้อุปสงค์ของบ้านชะลอตัวลง--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ