กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--IR PLUS
XO หุ้นน้องใหม่ มั่นใจ ผลงานครึ่งปีหลังผ่านฉลุย ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด สร้างทีมขายเพิ่ม ดันสินค้า อัตรากำไรขั้นต้นสูง แถมควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม “จิตติพร จันทรัช” เอ็มดีหนุ่ม คาดผลงานทั้งปีทำรายได้โตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อน หลัง 6 เดือนแรกทำรายได้แล้วที่ 381.46 ลบ. กำไรสุทธิ 42.03 ลบ. ส่วนโครงการก่อสร้างและซื้อเครื่องจักรใหม่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ใน Q4/57 นี้ หนุนกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัว เพื่อรองรับออเดอร์ที่คาดว่าจะเข้ามาจำนวนมาก
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ, ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร , ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม , ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ ซึ่งมีสินค้ากว่า 250 สูตร ส่งขายไปยังประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ ภายใต้ตราสินค้า EXOTIC FOOD, THAI PRIDE, FLYING GOOSE, COCO LOTO, COCO WATER และอื่นๆ เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากกลยุทธ์ทางการตลาดในการออกโปรโมชั่นต่างๆ สร้างทีมขายเพื่อรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เน้นการเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ประกอบกับพยายามควบคุมต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต และค่าใช้จ่ายในการผลิตให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนรุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มทวีปอเมริกาและเอเชียให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส น้ำจิ้ม และส่วนประกอบอาหารไทยในประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะตลาดในประเทศอินโดนีเซีย เป็นตลาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในประเทศดังกล่าวเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออก 99.87% ของรายได้ทั้งหมด มีกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 75.35% ส่วนลูกค้ากลุ่มประเทศทวีปอเมริกามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 7.64% และกลุ่มลูกค้าในประเทศทวีปอื่นๆ อยู่ที่ 16.88% และเชื่อว่าเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่วางไว้ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปี 2556 อยู่ที่ 608.65 ล้านบาทจะเป็นไปตามนั้น
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 381.46 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 287.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.26 ล้านบาท หรือ 32.82% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.03 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 2.07 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมากกว่ากำไรสุทธิตลอดทั้งปี 2556 และ 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.87 ล้านบาท และ 39.94 ล้านบาทตามลำดับ โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ได้รับประโยชน์จากค่า เงินบาทที่อ่อนตัวลง
“สัดส่วนรายได้หลักของเรามาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ และยังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอยู่ที่กว่า 65% และมีแนวโน้มเติบโตสูงจากปริมาณความต้องการซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางตลาดซอสปรุงรสยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก จึงเป็นโอกาสของบริษัทเข้าไปรุกตลาดดังกล่าวสนับสนุนยอดขายให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ในปี 2556 ที่ขาดทุนนั้น เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการสร้างทีมขายเพิ่มขึ้นในแต่ละผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต” นายจิตติพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัทฯ เติบโตขึ้นมากในอนาคต โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นส่วนหนึ่งนำไปใช้ซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ และก่อสร้างโรงงานใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขยายกำลังการผลิต เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีการใช้พื้นที่ของโรงงานเดิมเต็มพื้นที่แล้ว ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้ในบางช่วงเวลา โดยแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่มีมูลค่ารวมประมาณ 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในเครื่องจักรใหม่มูลค่าประมาณ 170 ล้านบาท ส่วนการก่อสร้างโรงงานและลงทุนในด้านสาธารณูปโภคอื่นๆ คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน และคลังสินค้า มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 1 หมื่นตารางเมตร สำหรับที่ดินโรงงานใหม่ อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี มีเนื้อที่รวม 12.76 ไร่ มูลค่า 35.72 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อที่ดินดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้เงินลงทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินจำนวน 19 ล้านบาท และกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ อีก 16.72 ล้านบาท
“การลงทุนก่อสร้างโรงงานและลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อทดแทนสายการผลิตเดิมจำนวน 7 สายการผลิต จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเท่าตัว และสามารถจัดสรรแผนการผลิตในแต่ละกลุ่มสินค้าให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนการร่างผังโรงงาน โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/2557 และเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/2559 ส่วนเงินที่ใช้ในการลงทุนดังกล่าวมาจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะจัดหาเงินจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ จากการลงทุนดังกล่าวจะสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถตอบรับออเดอร์ของลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อีกมาก อีกทั้ง เป็นการรองรับตลาดต่างประเทศที่บริษัทฯ จะรุกเพิ่มเติมในช่วงต่อจากนี้” นายจิตติพร กล่าว