กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--บ้านพีอาร์
หลักทรัพย์บัวหลวงเผยเดือน ส.ค. 57 นักลงทุนแห่เก็งกำไร Call DW คึกคักรับตลาดหุ้นนิวไฮ TRUE, CK, JAS ได้รับความนิยมสูงสุด เตือนไม่ต้องเทขาย DW01 ก่อนข้ามวันหยุดยาวหากกลัวค่าเสื่อม พร้อมส่ง DW ชุดใหม่ 32 ตัวลงตลาด อ้างอิงหุ้นใหม่ EARTH-TTCL เหตุงบสวยสัญญาณดี
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาเก็งกำไรใน DW อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจการปกครองในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยปริมาณการซื้อขาย DW เฉลี่ยต่อวันในเดือน ส.ค. 57 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือน พ.ค. 57 ถึง 37.7% มาอยู่ที่ 921 ล้านบาทหรือคิดเป็น 2.0% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ นอกจากนี้ ยังพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเห็นได้จากสัดส่วนการซื้อขาย DW ส่วนใหญ่มาจาก DW ประเภท Call เป็นหลักถึง 79.4% ซึ่งสอดคล้องกับ SET Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนในเรื่อง 1) ความมั่นใจในการจัดตั้งรัฐบาลในประเทศที่มีมากขึ้นภายหลังการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี 2) ความคาดหวังถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของธนาคารกลางยุโรป 3) ปัญหาความไม่สงบในต่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย
สำหรับ DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น DW ที่อ้างอิงหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 25.8% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ รองลงมาเป็นDW ที่อ้างอิงหุ้นบริษัท ช.การช่าง (CK) 8.4% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ และDW ที่อ้างอิงหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) 8.2% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ ในขณะที่ DW ที่อ้างอิงกับดัชนีหลักทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขาย 8.6% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ
“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันถึง 4 วัน คือวันที่ 9-12 ส.ค. 57ทำให้ลูกค้าที่ลงทุนใน DW01 หลายรายเกิดความไม่สบายใจว่า DW ที่ตนถือครองอยู่จะถูกตัดค่าเสื่อมเวลาตามระยะเวลาในช่วงวันหยุดดังกล่าว เลยอาจชิงเทขายก่อนข้ามวันหยุดยาว หลักทรัพย์บัวหลวงขอเรียนชี้แจงว่า DW01 ทุกรุ่น จะมีการตัดค่าเสื่อมเวลาตามวันทำการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดทำการซื้อขายโดยไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี ดังนั้น DW01 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการตัดค่าเสื่อมเวลาจากการมีวันหยุดทั้งปกติและวันหยุดยาวแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบขาย DW ที่ถืออยู่หากมีความกังวลจากปัจจัยดังกล่าว”นายบรรณรงค์กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนหลายท่านมีความเข้าใจผิดว่า วันครบกำหนดอายุของ DW (Maturity Day) คือ วันที่นักลงทุนสามารถซื้อขาย DW ได้เป็นวันสุดท้าย แต่แท้จริงแล้ววันที่นักลงทุนสามารถซื้อขาย DW ได้เป็นวันสุดท้าย คือวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW (Last trading day) บริษัทจึงขอแนะนำให้นักลงทุนขายคืน DW ที่ตนถือครองอยู่ภายในวันซื้อขายวันสุดท้าย เนื่องจากเงินที่ได้จากการขาย DW ในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ต้องนำมาเสียภาษีเงินได้ แต่หากนักลงทุนถือ DW ผ่านวันซื้อขายวันสุดท้ายไปแล้ว นักลงทุนจะได้รับเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิโอนเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งจะถือว่าเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ต่อไป
ทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวงยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย ตลอดจนการดูแลสภาพคล่องที่สม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมทั้งให้ความสำคัญในการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดสัมมนาเพื่อนักลงทุนในครั้งต่อไปวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ย. 57 เวลา 18.00-20.30 น. ณ ห้องประชุม 1101 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อสัมมนา “DW กับ Technical Analysis ชัวร์หรือมั่วนิ่ม” โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนที่ www.set.or.th
ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อหุ้น EARTH ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2557 ของ EARTH น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีแล้วและตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2557 ที่ผ่านมากำไรเพิ่มขึ้นโดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากยอดขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่กำหนดส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับฐานลูกค้าเพิ่มหลังเซ็นสัญญาขายถ่านหินให้ลูกค้าเกาหลีใต้ นอกจากนี้ การขุดเจาะถ่านหินในอินโดนีเซียทำได้มากขึ้น เพราะไม่มีปัญหาฝนตกหนักเหมือนครึ่งปีแรกซึ่งเป็นฤดูฝนของอินโดนีเซีย
บทวิเคราะห์ Analyst Consensus คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 และ 2558 ของ EARTH จะขยายตัวมาก จากการตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปี 2557 ที่ 9 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้นอีกเป็น 10 ล้านตันในปี 2558 โดยมีแรงหนุนจากความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการได้เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเพิ่มอีกหนึ่งแห่งจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าที่ต้องการทำสัญญาระยะยาวเพิ่มขึ้น
สำหรับหุ้นบริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น (TTCL) นั้นมีแนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว จากโอกาสการลงทุนได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1,280 เมกกะวัตต์ ที่มีมูลค่างานมากกว่า 6 หมื่นล้านบาทในพม่า อีกทั้งคาดว่าทางการพม่าจะเร่งเดินหน้าโครงการดังกล่าว เพราะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพม่า ขณะที่ไฟฟ้าในพม่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนอย่างหนัก ซึ่ง TTCL ได้เตรียมเงินลงทุนไว้แล้ว ด้วยการนำบริษัทลูก โตโย-ไทย เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ ทำธุรกิจขายไฟฟ้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ กลางปีหน้า คาดระดมทุนได้ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ระยะสั้นกำไรไตรมาสสองอ่อนตัวลงเนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างเพิ่ม และอาจยังคงต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี