TMI ผนึก กฟผ.บุกตลาดหลอดไฟแอลอีดี ดีเดย์ก.ย.นี้ คาดดันยอดขายโต 20-30% มั่นใจ รัฐบาลใหม่เพิ่มกำลังซื้อประชาชน

ข่าวทั่วไป Friday September 12, 2014 10:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มไอ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่าง หลอดแอลอีดี หลอดตะเกียบ ฟลูออเรสเซนต์ ฯ ภายใต้แบรนด์ กาต้า (GATA) เปิดเผยว่า ตลาดหลอดไฟและอุปกรณ์ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.ของปีเติบโตดีขึ้นมากกว่าช่วง8 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ส.ค.) หลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศว่าจะฟื้นตัวส่งผลให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้ามากขึ้น จากที่ก่อนหน้าในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ยอดขายลดลงมาก นอกจากนี้บริษัทฯได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทำตลาดหลอดไฟแอลอีดี โดยเป็นหลอดประหยัดไฟเบอร์ 5 คาดว่าจะทำเป็นแพกเกจจิ้งออกวางจำหน่ายในปลายเดือนก.ย.นี้ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 115-125 บาท จากเดิมในช่วงต้นปีราคาอยู่ที่ 200 บาท และปรับลดลงมาปัจจุบันอยู่ที่ 140-170 บาท หลังจากที่กำลังซื้อหดตัว ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพสูง ส่วนคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์แอลอีดีของบริษัทฯ คือ ประหยัดไฟ อายุการใช้งานนานถึง 10 ปี และเป็นอุปกรณ์ไม่มีไส้หลอด ดังนั้นหากมีการเปิด-ปิดสวิทซ์ไฟบ่อยครั้งจะไม่มีผลต่อการใช้งาน รวมทั้งความร้อนของหลอดไฟน้อยกว่ารุ่นอื่น “ กฟผ.ได้กำหนดเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทฯสามารถทำได้ตามเกณฑ์ เช่น เรื่องการประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพการใช้งาน เป็นต้น โดยหลังจากนี้กฟผ.จะช่วยโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ประชาชนมีความรู้เข้าใจ และเลือกซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ รวมถึงเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น และเชื่อว่าการร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันยอดขายแอลอีดีให้เติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% ขณะที่ยอดขายรวมในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 10-15% จากปี 2556 ที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 450 ล้านบาท” นายธีระชัย กล่าวว่า กระแสตลาดอนุรักษ์พลังงานมาแรงในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เป็นผลมาจากการใช้ไฟในประเทศที่มีแนวโน้มสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการออกผลิตภัณฑ์ที่ลดการใช้พลังงานจะช่วยประเทศทางอ้อม ส่วนตลาดส่งออกในปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 10% ที่เหลือ 90% จะทำตลาดในประเทศ คาดว่าหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียในปี 58 จะทำให้การแข่งขันรุนแรง ซึ่งจะต้องยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานมากกว่าการใช้ราคาในการทำตลาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ