กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน SME Thailand Expo 2014 ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้แนวความคิด “The Power of Partnership พันธมิตรธุรกิจ พลังแห่งความสำเร็จ" โดยบริษัท เพนนินซูลาร์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดงานในระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน 2557 ณ อิมแพค เมืองทองธานี
ในงานดังกล่าว วว. จะโชว์ผลงานวิจัย บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ในรูปแบบ “TISTR INNOVATION” เพื่อนำเสนอการให้บริการ วิเคราะห์ ทดสอบผลิตภัณฑ์ ในการขึ้นทะเบียนฉลากเขียว (Green Label) เพื่อการเดินหน้าของผู้ประกอบการ SMEs ไทย : SMEs Towards Green Marketing เนื่องจากฉลากเขียวจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญของผู้ประกอบการในการเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Enterprise) เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันให้สามารถอยู่รอดอย่างยั่งยืนต่อกระแสการแข่งขันที่ร้อนแรง เนื่องจาก Green label เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เมื่อนำมาเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่เดียวกัน
ซึ่งห้องปฏิบัติการเคมีวิเคราะห์ ของ วว. สามารถรับบริการทดสอบวิธีการวิเคราะห์ทางเคมีด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย เช่น GC-MS, GC-MS/MS, LC-MS/MS,LC-PDA เป็นห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน มอก. 17025 (ISO/IEC 17025) มีความสามารถรับการวิเคราะห์สารพิษตามข้อกำหนดพิเศษในการขอการรับรองตามโครงการฉลากเขียว (Toxic Substances for Green Label requirement) พร้อมทั้งมีนักวิจัยที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญ
นอกจากนั้น วว. ยังมีการจัดนิทรรศการโชว์ผลงานการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ภายใต้แนวคิด O· Z· O · N· E การลงทะเบียนขอรับการสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการ ปี 2558 และการขอใช้สิทธิ์การถ่ายทอดเทคโนโลยี วว. การขอรับบริการวิจัยและการขอรับบริการด้านการบริการอุตสาหกรรม (ระบบรับรองมาตรฐาน การวิเคราะห์ทดสอบ และสอบเทียบเครื่องมือ เป็นต้น)
“...เนื่องจาก SMEs นั้นถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เรามี SMEs จำนวนกว่า 2.8 ล้านราย มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของ SMEs คิดเป็นสัดส่วนกว่า 37% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ และมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 29% ของมูลค่าส่งออกรวม รวมทั้งเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ดังนั้นตลาดของ SMEs จึงอาจจะไม่ใช่เพียงแต่ 60 ล้านคนในประเทศไทยเท่านั้น แต่อาจจะมากถึง 600 ล้านคนทั้งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการและภาครัฐไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่จำเป็นต้องเร่งสนับสนุนและสร้างโอกาสให้ SMEs ในทุกๆ มิติ อย่างเป็นระบบและครบวงจร ผ่านกระบวนการเพิ่มโอกาส ทางนวัตกรรม เทคโนโลยี การบริหารจัดการ การตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการขนส่ง อีกทั้งรัฐบาลใหม่ชุดนี้ ได้วางยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน SMEs โดยมุ่งหวังให้ผลลัพธ์สัดส่วน GDP ของธุรกิจ SMEs เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว และคาดหวังจะสามารถจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่ม 5 หมื่นราย...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ กล่าวต่อว่า ในการจัดงาน SME Thailand Expo 2014 นั้น ถือเป็นโอกาสอันดีที่หน่วยงานพันธมิตรจะได้ร่วมมือกันสร้างผลลัพธ์ดังกล่าวให้เกิดขึ้นตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ผลักดัน สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เก่งอย่างรอบด้าน สามารถครองตลาดในประเทศ และก้าวสู่การแข่งขันในเวทีอาเซียนและเวทีโลกได้ ซึ่ง วว. นั้น มีหน้าที่หลักในการสนับสนุน SMEs รวมทั้งขับเคลื่อน งานวิจัย พัฒนา บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ผู้ใช้จริง ภายใต้การพัฒนาที่เรียกว่า O•Z•O•N•E concept ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีของ วว. ให้ตอบโจทย์การพัฒนาผู้ประกอบการ ชุมชน และประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ในแต่ละปี วว. ดำเนินงานพัฒนาผู้ประกอบการมากกว่า 100 โครงการทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์กว่า 3,000 รายต่อปี โดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นความสามารถของ วว. เช่น เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมเกษตร อาหารแปรรูป เทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ นวัตกรรมวัสดุ วิศวกรรม และบรรจุภัณฑ์ มาก่อให้เกิดธุรกิจเทคโนโลยีให้ผู้ประกอบการ อีกทั้งลงพื้นที่ เพื่อยกระดับความสามารถผู้ประกอบการไทย ยกระดับผู้ประกอบการ OTOP ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่แต่ละภูมิภาค ดังนี้ ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัด ตราด จันทบุรี ภาคเหนือ ได้แก่จังหวัด แพร่ ลำปาง เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น สุรินทร์ ยโสธร มหาสารคาม และภาคใต้ ได้แก่ จังหวัด สุราษฎร์ธานี จังหวัดตรัง รวมทั้งผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
“...ผลจากการพัฒนาของ วว. ดังกล่าว ผู้ประกอบการมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นวัดจากรายได้ประมาณ 13 ล้านบาทต่อปี เพื่อชดเชยต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 จังหวัดจาก 233 บาทต่อวัน เป็นค่าแรง 300 บาทต่อวัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ผู้ประกอบการมีผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ 24 ต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นจาก 140,000 บาทต่อคนต่อปี เป็น 170,000 บาทต่อคนต่อปี อีกทั้งผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันได้ และมีความเข้าใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการจัดการธุรกิจมากขึ้น สำหรับแผนการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ในปีต่อไป เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ไทย ขับเคลื่อนให้ทันตามกระแสการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันของโลก เช่น Green market ตลาดสีเขียว และตลาดอาเซียน จะเห็นได้ว่า วว. อยู่ใกล้ๆ พี่น้องทุกท่าน เราพร้อมจะเป็นพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา ร่วมคิด ร่วมพัฒนา ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ตามความมุ่งมั่นของเราที่ว่า วว. จะเป็นส่วนหนึ่งของ SMEs ..We are a part of your success…” ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับบริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจาก วว. ได้ที่ Call center 0 2577 9300 หรือที่ โทร. 0 2577 9000 www.tistr.or.th E-mail : tistr@tistr.or.th