กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--โปรเฟสชั่นนัล อิมเมจ เมกเกอร์
เอไลฟ์ มั่นใจภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตคึกคัก ระบุผลการดำเนินงาน 7 เดือนของอุตสาหกรรมเติบโต เกินเป้า มั่นใจสิ้นปีเติบโต 16% ตามเป้าหมายของสมาคมประกันชีวิตไทย โชว์ผลการดำเนินงาน 6 เดือน กำไรพุ่ง 248% ระบุปัจจัยการเมืองไม่กระทบต่อการเติบโต เผยไตรมาส 3 และ 4 เข้าสู่ช่วงฤดูกาลของประกันชีวิต ขณะที่การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ การลงทุน การส่งออก ได้รับแรงกระตุ้น หนุนความเชื่อมั่นประชาชนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เตรียมรุกธุรกิจประกันชีวิตกลุ่ม เพิ่มช่องทางขยายฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต
นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางอุตสาหกรรมประกันชีวิตในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากภาพรวมธุรกิจอุตสาหกรรมประกันชีวิตในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 16.93% โดยมีเบี้ยกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2557 ทั้งสิ้น 293,586.79 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ จำนวน 104,445.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.60% ขณะที่เบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป จำนวน 189,141.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.50% จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิตมากขึ้น
“แม้ว่าในปีที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตจะชะลอตัว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงตั้งแต่ในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี ยังถือเป็นฤดูกาลของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลดีให้ภาพรวมการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตจะกลับมาฟื้นตัว และขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายเชาว์พันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้การแข่งขันในช่วงที่เหลือของปี เชื่อว่าประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับภาคการบริโภคภายในประเทศ การลงทุน การส่งออก ได้รับแรงกระตุ้น ส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสิ้นปีน่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ 3% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้จะเป็นแรงสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และกล้าตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งชีวิตของตัวเอง และครอบครัว หรือเพื่อเป็นการออมก็ตาม โดยภาพรวมการแข่งขันเชื่อว่าหลายบริษัทจะหันมาแข่งขันผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเทอมกลาง และยาวมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ล็อคผลตอบแทนสูงไปตลอดอายุสัญญา
“แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีการขยับ ดังนั้นหลายค่ายจึงหันมาปรับกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์เทอมกลาง และยาวมากขึ้น รวมถึงการเตรียมดีไซน์ผลิตภัณฑ์ประเภทยูนิตลิงค์ ยูแอล และประกันบำนาญยาวไปจนถึงปีหน้า ทั้งนี้เพื่อเป็นการขานรับนโยบายการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่จะมีนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC : Risk Based Capital) ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตจะต้องมีการปรับแผนการลงทุนให้ตรงตามเกณฑ์ของ คปภ. รวมถึงต้องดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่ขายแล้วไม่กระทบต่อเงินกองทุนของบริษัท ไม่ว่าบริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ก็ตาม” นายเชาว์พันธุ์ กล่าว
นายเชาว์พันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของเอไลฟ์ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 248% ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีปัจจัยความวุ่นวายทางการเมืองเข้ามากระทบ แต่บริษัทก็สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิตมากขึ้น เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนทางการเงิน
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทได้เริ่มดำเนินธุรกิจการทำประกันชีวิตกลุ่ม โดยได้ร่วมกับพันธมิตรโบรกเกอร์ชั้นนำ ในการส่งมอบงานให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรุกธุรกิจดังกล่าวก็สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเอไลฟ์ ในการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องการวางแผนทางการเงินและชีวิต ไม่ว่าจะเป็นวางแผนการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงและมั่งคั่ง การวางแผนปกป้องชีวิตเพื่อสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว อีกทั้งบริษัทยังมองว่าการขยายธุรกิจประกันกลุ่มนี้จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ ในการให้บริการด้านวางแผนการเงิน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ของเอไลฟ์ ไปยังกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวนี้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย