กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาเก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
แคนนอน ผู้นำเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพดิจิตอลระดับโลก เปิดตัวกล้อง EOS 7D Mark II นวัตกรรมที่นำมาสู่การปฏิวัติวงการรุ่นล่าสุดในตระกูล EOS ที่ช่างภาพมืออาชีพและนักเล่นกล้องตัวจริงต้องทึ่งไปกับ “ครั้งแรก” ของสุดยอดเทคโนโลยีขั้นสูงในกล้อง EOS ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลภาพ Dual DIGIC 6 ให้ภาพสวยงามเหนือชั้น ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 10 เฟรมต่อวินาที ระบบออโต้โฟกัส (AF) พัฒนาใหม่แบบ Cross Type 65 จุด (ทุกตำแหน่ง) จึงจับโฟกัสและติดตามวัตถุได้รวดเร็วแม่นยำไม่มีสะดุด ผสานกับความแรงของเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ดีไซน์ใหม่ ความละเอียด 20.2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์วัดแสง RGB+IR แบบใหม่ 150,000 พิกเซล ช่วงความไวแสงกว้าง 100 – 16,000 และเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ช่วยให้การจับโฟกัสภาพวิดีโอทำงานได้เรียบลื่นและแม่นยำไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหว รองรับการถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ Full HD 60p และ Time-lapse มอบพลังที่เหนือกว่าในการถ่ายภาพสมบูรณ์แบบลงตัวทุกสถานการณ์
วรินทร์ ตันติพงษ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยพลังในการประมวลผลที่ก้าวล้ำเหนือกว่ากล้อง EOS รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน กล้อง Canon EOS 7D Mark II จึงเป็นกล้อง DSLR ที่ทุกคนรอคอยเพราะมีทุกอย่างที่ช่างภาพมืออาชีพต้องการ ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และยังให้ประสิทธิภาพดีเกินกว่าที่ผู้ใช้จะคาดคิด เราเข้าใจดีว่าการถ่ายทอดจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ไม่ได้มีขอบเขตจำกัดอยู่ภายในโลกของการถ่ายภาพนิ่งเท่านั้น แคนนอนจึงไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ โดยบรรจุฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอภาพคมชัดระดับ Full HD แบบใหม่ไว้มากมาย อาทิ เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF พัฒนาใหม่ในกล้อง EOS 7D Mark II”
EOS 7D Mark II เหนือกว่าด้วยความเร็วและระบบออโต้โฟกัสฉับไว
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 เฟรมต่อวินาที กล้อง EOS 7D Mark II บันทึกภาพฉับไวด้วยความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดถึง 10 เฟรมต่อวินาที ช่วยให้ผู้ใช้จับภาพวัตถุเคลื่อนไหวทุกรายละเอียดได้อย่างแม่นยำและคมชัด ด้วยความเร็วระดับนี้ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายภาพ RAW ต่อเนื่องได้มากถึง 31 ภาพ หรือเท่ากับภาพ JPEG ขนาดใหญ่ถึง 1,090 ภาพ นอกจากนี้ แคนนอนยังพัฒนาให้ชุดชัตเตอร์มีอายุใช้งานยาวนานขึ้นเป็น 200,000 รอบ หรือเพิ่มขึ้น 33% จาก 150,000 รอบในกล้อง EOS 7D รุ่นก่อน
กลไกกระจกสะท้อนภาพพัฒนาใหม่ มีการใช้ระบบมอเตอร์เข้ามาควบคุมการทำงาน เพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสริมประสิทธิภาพกล้องให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นระหว่างถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับตั้งค่าการทำงานให้เข้ากับรูปแบบการทำงานได้หลากหลาย อาทิ โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง-ความเร็วต่ำ การถ่ายภาพเฟรมเดียว การตั้งค่าถ่ายภาพล่วงหน้า 2 แบบ และยังมีโหมด silent drive ให้เลือกใช้ทั้งสำหรับการถ่ายเฟรมเดียวและการถ่ายภาพต่อเนื่อง โดยสามารถเลือกปรับระดับความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบแมนนวลได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เคยมีเฉพาะในกล้องตระกูล EOS 1D เท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความสงบ
ระบบออโต้โฟกัสพัฒนาใหม่แบบ Cross-Type ทั้ง 65 จุด พร้อมความสามารถในการทำงานที่ EV-3 ที่ จุดกึ่งกลาง ครอบคลุมพื้นที่โฟกัสมากกว่ากล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ทั่วไป ช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพการจับโฟกัสแม่นยำทุกการเคลื่อนไหวแม้จะเป็นวัตถุเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงก็ตาม จุดโฟกัสจุดกลางเป็นแบบ Dual Cross-Type รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ f/2.8 ยิ่งช่วยให้กล้องจับโฟกัสได้ดีแม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีแสงน้อยมากถึง EV-3 จึงมั่นใจได้ว่าภาพถ่ายที่ออกมาจะมีความคมชัดสูง แม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อยมากจนแทบมองไม่เห็นรายละเอียดวัตถุก็ตาม
EOS 7D Mark II ระบบ EOS Scene Detection ปรับปรุงใหม่ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์วัดแสงแบบใหม่ RGB 150,000 พิกเซล + IR 252 โซน เพื่อความแม่นยำที่มากยิ่งกว่า กล้อง EOS 7D Mark II ยังติดตั้งเทคโนโลยีระบบจดจำและติดตามวัตถุอัจฉริยะ EOS iTR (Intelligent Tracking and Recognition) AF system ใหม่ล่าสุดจากแคนนอน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในกล้อง EOS-1D X และระบบวิเคราะห์วัตถุอัจฉริยะ EOS iSA (Intelligent Subject Analysis) ช่วยให้กล้องจดจำสีของวัตถุและใบหน้าของบุคคลได้ ทำให้ระบบ AF ทำงานได้แม่นยำมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น แม้ในกรณีที่วัตถุมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วหรือทิศทาง ระบบ EOS iTR AF ก็จะทำการเปลี่ยนโหมดโฟกัสให้อัตโนมัติช่วยให้การติดตามวัตถุทำได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ระบบออโต้โฟกัส 65 จุดแบบ Cross-Type เมื่อรวมกับระบบจดจำและติดตามวัตถุอัจฉริยะ EOS iTR และความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้ถึง 10 เฟรมต่อวินาที จึงทำให้กล้อง EOS 7D Mark II สามารถโฟกัสติดตามวัตถุเคลื่อนไหวเร็วได้แม่นยำทั้งเฟรมภาพ ให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหว อาทิ นกที่กำลังบินบนท้องฟ้า หรือนักฟุตบอลที่วิ่งเลี้ยงหลบหนีคู่แข่งอยู่ในสนาม เป็นต้น นวัตกรรมคันโยกเลือกพื้นที่ออโต้โฟกัสแบบใหม่ (AF Area Selection Lever) ที่อยู่ล้อมรอบปุ่มควบคุมหลายทิศทาง (Multi-Controller) ด้านหลังตัวกล้อง ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ปรับเลือกโหมด AF Point Selection ทั้ง 7 รูปแบบได้ตามต้องการระหว่างทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากช่องมองภาพอีกด้วย
ทั้งนี้ ระบบ EOS iTR AF เป็นการทำงานร่วมกันของระบบออโต้โฟกัสแบบ AI Servo AF III และระบบ AF Configuration เพื่อให้การทำบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความแม่นำยำบบ ารติดตามวัตถุไม่มีสะดุดุกการเคลื่อนไหว่อนไหวด้วยความเร็วสูงงานมีความแม่นยำและเสถียรภาพสูงสุด โดยระบบ AI Servo AF III จะช่วยประเมินทิศทางที่วัตถุจะเคลื่อนที่ไปทำให้สามารถติดตามวัตถุนั้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในกรณีที่วัตถุหลุดออกจากจุดโฟกัสไปชั่วคราวก็ตาม นอกจากนั้น ผู้ใช้ยังสามารถเลือกปรับโหมดออโต้โฟกัสได้มากถึง 6 รูปแบบ เพื่อให้เกิดความแม่นยำสูงสุดในการติดตามวัตถุภายใต้สถานการณ์การถ่ายภาพที่แตกต่างกัน
มีแสงประดิษฐ์จำนวนไม่น้อยที่ตาคนเราไม่สามารถแบ่งแยกความถี่ได้เช่น แสงจากหลอดโซเดียมความดันสูงที่มักใช้กันในโรงยิมและสระว่ายน้ำในร่ม แต่บางครั้งภาพถ่ายแบบ underexposed ก็สามารถจับความแตกต่างของแสงเหล่านี้ได้ ทำให้บางครั้งภาพที่ได้จากการถ่ายภาพต่อเนื่องนั้นมีความแตกต่างกันของสี แต่ด้วยระบบ AE ปรับปรุงใหม่ล่าสุดในกล้อง EOS 7D Mark II จะทำให้กล้องสามารถตรวจจับค่าความถี่ที่แตกต่างกันของแสงเหล่านี้ได้ และทำการชดเชยค่าแสงเพื่อให้ภาพออกมาดูดีที่สุด โดยเมื่อเปิดใช้งาน กล้องจะจับภาพในขณะที่มีปริมาณแสงน้อยที่สุด ร่วมกับการปรับความเร็วชัตเตอร์ให้อัตโนมัติเพื่อลดความแตกต่างของแสงและสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกำจัดแสงเหล่านี้ที่เราไม่ต้องการออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการนำข้อมูลเกี่ยวกับแสงอินฟราเรดมาประมวลร่วมกับข้อมูล RGB เพื่อหาค่าสมดุลแสงขาวที่ดีที่สุด
EOS 7D Mark II คุณภาพงานถ่ายเหนือชั้นไม่เป็นสองรองใคร
กล้อง EOS 7D Mark II ถือเป็นกล้อง DSLR รุ่นแรกจากแคนนอนที่มีการใช้งานเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 20.2 ล้านพิกเซลร่วมกับชิปประมวลผลภาพ Dual DIGIC 6 การผสานสองขุมพลังนี้เข้าด้วยกันช่วยให้กล้องประมวลผลได้ฉับไว ให้ภาพความละเอียดสูง มีสัญญาณรบกวนต่ำ สวยงามสมบูรณ์แบบทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว นอกจากนี้ สำหรับช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการจับภาพแอ็คชั่นความเร็วสูง กล้องรุ่นนี้ยังรองรับการถ่ายภาพรูปแบบ RAW ได้มากถึง 31 ภาพพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับช่วงความไวแสงที่กว้างถึง ISO 100 -16000 (ขยายเพิ่มได้ถึง ISO 51,600) ครอบคลุมทั้งการถ่ายภาพนิ่งและภาคเคลื่อนไหว
ขณะที่ช่องมองภาพอัจฉริยะดีไซน์ใหม่ แสดงภาพสว่างใสครอบคลุมการมองเห็น 100% และยังแสดงข้อมูลสำคัญบนหน้าจออย่างครบครัน อาทิ โหมดถ่ายภาพ การตั้งค่าแสงต่างๆ และมาตรวัดระนาบกล้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆ ได้ในระหว่างที่ใช้งานช่องมองภาพ เป็นการผสานความสามารถของทั้งช่องมองภาพแบบออพติคอลและอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างลงตัว
EOS 7D Mark II บันทึกภาพวิดีโอคมชัดด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้น
แคนนอนยังเสริมประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอในกล้อง EOS 7D Mark II ด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ปรับปรุงใหม่ เพิ่มความเร็วในการหาโฟกัสอัตโนมัติแบบ phase-difference ทำให้การโฟกัสติดตามวัตถุ เมื่อถ่ายภาพในโหมด Live View และโหมดบันทึกภาพวิดีโอ นั้นทำได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นไม่มีสะดุด แม้มีการปรับเปลี่ยนระยะใกล้ไกลของวัตถุก็ตาม
เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ยังช่วยให้การบันทึกภาพในโหมด Movie Servo AF สามารถติดตามวัตถุไปได้ทุกที่อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ยิ่งเมื่อจับคู่ใช้งานกับเลนส์ระบบ STM (Stepping Motor) ของแคนนอน เสียงรบกวนจากมอเตอร์ขณะกล้องทำการค้นหาโฟกัสอัตโนมัติยิ่งแทบไม่มี เพิ่มความสามารถในปรับระดับความเร็วของระบบออโต้โฟกัสได้ เพื่อให้เข้ากับรูปแบบภาพที่ต้องการ อาทิ การปรับจังหวะโฟกัสให้ช้าลงเพื่อสร้างเอฟเฟคให้ภาพมีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น
กล้อง EOS 7D Mark II รองรับงานวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ที่ 24fps ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือเลือกปรับเฟรมเรตได้สูงสุดถึง 60p รองรับการบันทึกไฟล์ทั้งในรูปแบบ MOV สำหรับงาน Post-Production และแบบ MP4 และยังสามารถใช้งานความไวแสงได้สูงสุดถึง ISO 16,000 เพื่อให้ภาพวิดีโอที่ได้ยังคมชัด แม้อยู่ในสภาวะแสงน้อย
EOS 7D Mark II คุณสมบัติครบครันเพื่อนักถ่ายภาพตัวจริง
กล้อง EOS 7D Mark II เป็นกล้อง DSLR ในตระกูล EOS รุ่นแรกที่มีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพ Internal และ Bulb Timer ช่วยให้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ time-lapse และภาพนิ่งแบบ long-exposure ได้โดยไม่ต้องใช้รีโมทคอนโทรลแยกต่างหาก ขณะเดียวกันยังปรับปรุงฟังก์ชั่นถ่ายภาพ High Dynamic Range (HDR) และฟังก์ชั่น Multiple exposure ให้สามารถสร้างสรรค์ไอเดียการถ่ายภาพประเภท Multiple-Exposure ได้เหนือกว่าได้จากในตัวกล้องอีกด้วย
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานให้รอบด้านและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น แคนนอนได้พัฒนาให้กล้อง EOS 7D Mark II เอื้อต่อการปรับแมนนวลของผู้ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกเหนือจากคันโยกปรับเลือกพื้นที่ออโต้โฟกัส ยังมีแป้นหมุน Quick control dial อีก 2 วง และปุ่มกดอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อให้การปรับตั้งค่าหลักต่างๆ เช่น ค่า ISO รวมถึงการปรับตั้งค่าคัสตอมต่างๆ ได้รวม 11 อย่าง ตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพมือโปร ที่ต้องการความรวดเร็วคล่องตัวในการทำงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมช่องใส่เมมโมรี่การ์ดแบบ CF และ SD อย่างละ 1 ช่อง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกบันทึกภาพและวิดีโอลงในการ์ดทั้งสองอันพร้อมกันได้เลยเพื่อเป็นการสำรองข้อมูลไปในตัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องต่อแบบ USB 3.0 Digital Terminal รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งช่องนี้ในกล้องตระกูล EOS
ในส่วนบอดี้กล้องมีความทนทานแต่น้ำหนักเบาเพราะผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย เคลือบผิวภายนอกแบบใหม่ป้องกันละอองน้ำและละอองฝุ่นได้ดีกว่ากล้อง EOS 7D ถึง 4 เท่า จึงเหมาะกับการถ่ายภาพทุกสถานที่ทุกสถานการณ์ ตั้งแต่การถ่ายภาพกีฬาในร่มไปจนถึงงานแต่งงานที่มีแสงสลัวๆ
EOS 7D Mark II รองรับอุปกรณ์เสริมหลากหลายเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
กล้อง EOS 7D Mark II รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่างแบตเตอรี่กริปรุ่น BG-E16 ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้ยาวนานยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับช่างภาพที่ทำงานเป็นเวลานานติดต่อกัน มีปุ่มควบคุมการทำงานได้หลากหลายฟังก์ชั่น พร้อมทั้งมีปุ่มปรับเลือกพื้นที่โฟกัสอัตโนมัติ ช่วยให้การถ่ายภาพในแนวตั้งทำงานได้ง่ายและสะดวก
ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใช้งานร่วมกับ Super Precision Matte type focusing screen (อุปกรณ์เสริมแยกจำหน่าย) ช่วยให้การปรับจุดโฟกัสทำได้ง่ายและได้ภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น เมื่อใช้งานกล้องร่วมกับเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างๆ อย่าง f/2.8 หรือสูงกว่านั้น
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สายรุ่น WFT-E7 ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลจากกล้อง EOS 7D Mark II ไปยังเวิร์คสเตชั่นต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว รองรับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คตามมาตรฐาน IEEE 802.11 a/b/g/n ซึ่งมีความเสถียร และความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง
มาร่วมทดสอบประสิทธิภาพความแรงของกล้อง EOS 7D Mark II รุ่นใหม่ด้วยตัวคุณเองได้ที่บูธ แคนนอน ภายในงาน Photo Fair 2014 ระหว่างวันที่ 26 – 30 พฤศจิกายน 2557 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ www.canon.co.th
ชุดที่มีวางจำหน่าย:
- EOS 7D II Body
- EOS 7D II w/18-135 IS STM
- EOS 7D II w/15-85 IS USM