กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
อีซี่ แท็กซี่ แอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ชั้นนำในประเทศไทยซึ่งมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 500,000 ครั้ง วางแผนนำประโยชน์จากการลงทุนระดับโลกในครั้งนี้มาเพิ่มพูนศักยภาพการปฏิบัติการในประเทศไทย โดยอีซี่ แท็กซี่ไทยแลนด์ ตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะมียอดดาวน์โหลด ถึง 1 ล้านครั้งในประเทศไทย และจะสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยเม็ดเงินจากการลงทุนในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังจะสามารถนำเงินลงทุนมาใช้พัฒนาศักยภาพการปฏิบัติการด้านธุรกิจและเพิ่มจำนวนผู้คนขับรถแท็กซี่อีกด้วย
คุณณัฐภัค อติชาตการ ซีอีโอ อีซี่ แท็กซี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในรอบปีที่ผ่านมานี้ เราได้เร่งสร้างมาตรฐานคนขับแท็กซี่ที่มีคุณภาพและฐานผู้โดยสารที่เข้มแข็ง โดยที่ทั้งสองส่วนนั้นช่วยเกื้อหนุนกันทำให้อีซี่ แท็กซี่ ไทยแลนด์ มีอัตราการเติบโตถึง 40 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือนซึ่งถือเป็นการให้บริการรับส่งโดยสารคนกรุงเทพฯอย่างมีมาตรฐาน การเพิ่มทุนในครั้งนี้ยังช่วยให้เราสามารถเดินหน้าสานต่อพันธกิจในการเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมแท็กซี่จากรูปแบบเดิมๆให้มีความทันสมัย สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งเสริมฐานการปฏิบัติการด้วยการเพิ่มจำนวนคนขับรถแท็กซี่ในเครือข่ายของเราเป็นสองเท่า เพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสารขึ้นเป็นสามเท่าจากเดิม และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาการบริการให้เป็นเลิศสำหรับคนขับรถแท็กซี่และผู้โดยสารที่ใช้บริการของอีซี่ แท็กซี่ ในการเรียกรถแท็กซี่”
อีซี่ แท็กซี่ ซึ่งให้บริการทั้งใน ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย ได้รับเงินทุนซีรี่ส์ดี 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากฟีโนเมน รัสเซียน เวนเจอร์ ซึ่งร่วมทุนกับ เทงเจอร์แมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของกลุ่มบริษัทค้าปลีกที่มีหลายภาคส่วนจากประเทศเยอรมัน การที่ผู้ลงทุนมีความมั่นใจร่วมลงทุนกับแอพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการขยายฐานการดำเนินงานของเราในรอบปีที่ผ่านมาและยังเป็นข้อพิสูจน์ความเป็นผู้นำของอีซี่ แท็กซี่ในธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เดนนิส หวัง, โค-ซีอีโอของอีซี่แท็กซี่ กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายศักยภาพของเราให้โดดเด่นในตลาดนี้ และยังช่วยพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มฐานการปฏิบัติการและพัฒนาการบริการของเราเพื่อขยายไปยังกลุ่มลูกค้าจำนวนมากขึ้นและในบริเวณกว้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชี่ยวชาญของผู้ลงทุนที่สอดคล้องกับความต้องการในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในเอเชียและเพิ่มความเข้มแข็งให้กับตลาดละตินอเมริกาที่เราเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้”