กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--เอเอสวี อินเตอร์ กรุ๊ป
ขึ้นทะเบียนชาวนาจัดระเบียบเพิ่มผลผลิตใช้เทคโนโลยีแผนที่ดาวเทียม-ส่งจนท.ลงพื้นที่
จากนโยบายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. สู่ แนวทางกาปฏิบัติของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและเพิ่มผลผลิต ตลอดจนถึงการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร และ ชาวนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และดูแลยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรทั่วประเทศ
“นโยบายการขึ้นทะเบียนชาวนา”ที่ได้ดำเนินการแล้วโดยกรมส่งเสริมการเกษตร ที่เห็นผลชขัดเจนเป็นรูปธรรมจากการใช้เทคโนโลยี และการจัดระเบียบในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับชาวนาไทย ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต และคุณภาพของผลิตผล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลมีนโยบายหลักในลดต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพของผลผลิตเพื่อการแข่งขันในอนาคต
“นายโอฬาร พิทักษ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยถึง แนวทางการ “ขึ้นทะเบียนชาวนาทั่วประเทศ” ที่ดำเนินไปตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช.ว่า “เรื่องของการจัดขึ้นทะเบียนชาวนา ทางกรมได้ดำเนินการไปแล้วมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนในฤดูกาลปลูกข้าวในรอบปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันประมาณ 2,500,000 ราย ทางกรมฯ ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องแล้ว 5-6 ปี มีการจัดระบบการขึ้นทะเบียน ที่จะสามารถช่วยเก็บรายละเอียดและตรวจสอบฐานข้อมูลได้อย่างแม่นยำ โดยมีเรี่องของการใช้เทคโนโลยีแผนที่ดาวเทียมเข้ามาช่วย
นอกจากนี้ยังใช้วิธีการให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบความแม่นยำของข้อมูลอีกทั้ง ซึ่งทั้งสองส่วนช่วยให้การแก้ปัญหาและการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรในด้านต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถรับรองการขึ้นทะเบียนที่เป็นจุดสำคัญของการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างเป็นระบบ” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว
ในระบบการตรวจสอบและเก็บฐานข้อมูลของเกษตรกร โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะเน้นวิธีการตรวจสอบอย่างละเอียดแบบพื้นที่รายแปลง ที่จะเจาะลึกลงไปจากรายตำบล โดยจะมีเครื่องมือยืนยันข้อมูลด้วยเทคโนโลยี แผนที่จาก KRITDAและแผนที่ของหน่วยงานราชการอื่นๆเป็นส่วนช่วยรวมถึงการลงพื้นที่ไปสำรวจข้อเท็จจริงกับชุมชน ที่จะช่วยให้ได้ทราบทั้งข้อมูล ปัญหา เพื่อนำมาวิเคราะห์สร้างแนวทางการพัฒนาเกษตรกรต่อไป
นายโอฬารกล่าวต่ออีกว่า “สำหรับการดำเนินการขึ้นทะเบียนชาวนาในอนาคต จะมีการประเมินผลและวิเคราะห์ข้อมูลในภาพรวมทั้งหมดอีกครั้ง รวมถึงมีการตรวจสอบจากเครื่องมือทั้งทางเทคโนโลยี และในทางการลงพื้นที่ เพื่อยืนยันความถูกต้องโปร่งใสชัดเจน โดยเป้าหมายในข้างต้นคือการสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือในการลดต้นทุน อันเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และ จัดทำบัญชีเกษตรกร ที่มีสิทธิ์เข้ารับมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน ที่ได้รับการอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ส่งเสริมให้ชาวนาพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องการเข้ามาอุ้มชาวนาด้วยวิธีการแบบที่ผ่านมา ต้องการช่วยชาวนาให้เข้มแข็ง ดังนั้นความช่วยเหลือที่ออกมาจึงมีความต่อเนื่อง ตั้งแต่การแก้ไขความเดือดร้อนเฉพาะหน้า
นอกจาการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ของกรมฯ ยังลงไปในพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำ และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อเน้นยกระดับเกษตรกรให้เป็น เกษตรกรปราดเปรื่อง (สมาร์ทฟาร์มเมอร์) ที่จะช่วยพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพให้กับชาวนาทั่วประเทศในอนาคต” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีเกษตรกร (ชาวนา)ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2557/58 แล้ว 2,729,463 ครัวเรือนหรือ คิดเป็น 84 % เป็นจำนวน 5,930,147 แปลง พื้นที่เพาะปลูกกว่า 47,900,311.50 ไร่จากเป้าหมาย 3,252,781 ครัวเรือนและคาดว่า ข้าวนาปีจะมีพื้นที่ปลูก 64,658,652 ไร่ จะมีผลผลิต 28,581,781 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 560,084 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 2%รวมถึงยังสามารถลดต้นทุนการผลิตและทำให้ความช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐกระจายเข้าไปอย่างทั่วถึง และตรงตามความต้องการของเกษตรกร