กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--สมาคมชาวไร่ยาสูบ
สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดสุโขทัยและสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ สนับสนุนข้อเสนอโรงงานยาสูบในการนำเงินจากภาษียาสูบที่ส่งให้กองทุน ได้แก่ สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ได้รับรายรวมปีละ 3,000 – 4,000 ล้าน เข้าสู่ระบบงบประมาณที่มีการตรวจสอบเพื่อการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมนึก ยิ้มปิ่น ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์จังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า “สมาคมชาวไร่ยาสูบฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอของโรงงานยาสูบ เพราะกองทุนนอกงบประมาณแบบนี้ผิดหลักวินัยทางการคลัง การจัดสรรเงินต่างๆ ควรผ่านระบบงบประมาณตามปกติและผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรเพราะเป็นภาษีของประชาชนผู้บริโภค ไม่เข้าใจว่าทำไม สสส. จะต้องออกมาโจมตีข้อเสนอของโรงงานยาสูบทั้งๆ ที่ข้อเสนอของโรงงานยาสูบเป็นการเสนอเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินอุดหนุน ไม่ใช่งดการส่งรายได้ให้ ซึ่งถ้าองค์กรมีความโปร่งใสตามที่กล่าวอ้างและมีการตรวจสอบอยู่แล้วก็ไม่เป็นมีประเด็นอะไรที่ต้องเป็นกังวล”
นอกจากนั้น สมาคมชาวไร่ยาสูบฯ ยังเห็นว่าข้อเสนอของโรงงานยาสูบดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแนวนโยบายกระทรวงการคลังที่ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แถลงเมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนโยบายที่สำคัญคือ การส่งเสริมความยั่งยืนและความโปร่งใสทางการคลัง โดยกระทรวงการคลังมีแผนงาน การเร่งผลักดันร่างพ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.... ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้การดำเนินการด้านการเงินการคลังของประเทศในอนาคตมีความโปร่งใส มั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว และการทบทวนบทบาทและการกำกับดูแลกองทุนนอกงบประมาณเพื่อสร้างวินัยทางการคลัง
ปัจจุบัน สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้รับรายได้จากภาษีบาปปีละ 2% และ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ได้รับรายได้ปีละ 1.5% ซึ่งรายได้ที่ สสส.ได้รับตลอด 10 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2547 – 2556 มีตัวเลขมากถึง 28,133.58 ล้านบาท
“โดยนอกจากกองทุนสสส. และกองทุนสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแล้ว ขณะนี้มีกองทุนอื่นๆ ที่กำลังรอออกกฎหมายเพื่อขอจัดตั้งอีก 3 กองทุน ได้แก่กองทุนจากกระทรวงการศึกษาธิการ กองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว และกองทุนการกีฬา ซึ่งทั้งกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยวและกองทุนการกีฬา จะขอเก็บภาษีบาป 2% ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีรายได้ปีละ 3,000 – 4,000 ล้านบาท จะส่งผลให้เม็ดเงินในกองทุนนอกระบบทั้งหมดสูงยิ่งขึ้นไปอีกเป็นหลักหมื่นล้านบาทต่อปี หาก สสส.และองค์กรอื่นๆ อ้างเหตุผล
เดียวกันว่าว่ากลัวไม่ได้งบประมาณตามปกติจึงต้องมีกฎหมายพิเศษให้กับตัวเอง ประเทศชาติก็จะลำบาก ข้อเสนอของโรงงานยาสูบจึงมีเหตุผลที่ทาง คสช.และกระทรวงการคลังควรนำมาพิจารณาปฏิรูปกองทุนต่างๆ” นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเสริม