กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
เปิดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุจราจรจังหวัดชลบุรี พบมีสถิติเกิดอุบัติเหตุสูงสุดในภาคตะวันออก ด้าน “นักสื่อสารกู้ชีพ” เตือน 5 จุดกลับรถในเมืองพัทยา และทางเลื่ยงเมืองชลบุรีเป็นจุดเสี่ยงที่สุด ชี้ที่ผ่านมามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข พร้อมแนะผู้ใช้รถใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อลดการสูญเสีย
จังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องภูมิประเทศที่สวยงาม มีทั้งภูเขาและทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศหลั่งไหลไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชายหาดบางแสน หรือเมืองพัทยา นอกจากนี้แล้วจังหวัดแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม จึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูง โดยสถิติจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ พบว่ามีการออกปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินจากอุบัติเหตุจราจรระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมทั้งสิ้น 10,974 ครั้ง ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุดในภาคตะวันออก
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยด้านคน ปัจจัยด้านรถ และปัจจัยด้านถนนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจัยด้านคนจะประกอบไปด้วยผู้ขับขี่เองที่มีสภาพไม่พร้อม ขับรถด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด เมาสุรา หรือขับรถด้วยความประมาท ส่วนปัจจัยด้านรถก็ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบสภาพของรถว่ามีความพร้อมหรือไม่ และปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือปัจจัยด้านถนนและสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้การเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งมีความรุนแรงและสูญเสียมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา สพฉ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันอุบัติทางถนน โดยได้จัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการสื่อสารสาธารณะของเครือข่ายกู้ชีพเพื่อความปลอดภัยทางถนน หรือ นักสื่อสารกู้ชีพขึ้น เพื่อเป็นกระบอกเสียงในการสร้างการเตือนภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนในรูปแบบของงานเขียนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ซึ่งล่าสุดได้มีการอบรมขึ้นที่พื้นที่ภาคตะวันออก อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้รถใช้ถนนบาดเจ็บหรือป่วยฉุกเฉินสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์
นายธรรมรัตน์ อาจวารินทร์ ตัวแทนจากมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ นักสื่อสารกู้ชีพ สพฉ. ภาคตะวันออก ประจำอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ภายหลังการเข้ารับการอบรมโครงการดังกล่าว ได้ลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยงในเขต อ.เมือง จ.ชลบุรี พบว่า ตัวเมืองจังหวัดชลบุรีมีจุดเสี่ยงเป็นจำนวนมาก แต่จุดที่อันตรายที่สุดคือทางเบี่ยงเข้าถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ซึ่งใกล้เคียงกับทางเข้านิคมอมตะนคร โดยถนนเส้นนี้เป็นถนนขนาด 3 ช่องจราจร เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง ถ.บางนา-ตราดกับถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีอีกทั้งยังมีทางโค้งกับทางเข้าออกของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย ซึ่งปัญหาที่พบในบริเวณนี้ คือ ป้ายจราจรมีขนาดเล็กมองไม่เห็นและมีจำนวนน้อย พร้อมกันนี้เส้นแบ่งช่องจราจรยังมีลักษณะเลือนรางทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมองเห็นเส้นจราจรไม่ชัดจึงง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ผู้ขับขี่บางส่วนเองยังขาดวินัยจราจรและไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยล่าสุดได้เกิดเหตุรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เฉี่ยวชนกับรถยนต์จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ ซึ่งสถิติของการเกิดเหตุบริเวณนี้เกิดขึ้นแล้วถึง 5 ครั้งภายในเวลาเพียง 1 เดือน ดังนั้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยต้องมีการปรับปรุงการตีเส้นจราจรให้ชัดเจน และมีป้ายจราจรที่บอกทางขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ผู้ขับขี่เองก็ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ลดความเร็วในการขับรถ และมีน้ำใจให้กับผู้ร่วมทางด้วย
ขณะที่นายธีระ กุ่ยเอี๊ยบ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน (สว่างบริบูรณ์ 67) นักสื่อสารกู้ชีพ สพฉ. ภาคตะวันออก ประจำเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ก่อนเข้ารับการอบรม ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการจะไม่มีการถอดบทเรียนที่ชัดเจนมากนัก แต่หลังจากที่ได้รับการอบรมได้ถอดบทเรียนของการออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทุกครั้ง ทำให้เห็นชัดเจนว่าในเมืองพัทยามีจุดเสี่ยงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจุดกลับรถในเมืองพัทยาที่มีเป็นจำนวนมากและแต่ละจุดมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยหลังจากการถอดบทเรียนพบว่ามี 5 จุด ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ 1.จุดกลับรถหน้าโรงแรมเวฟอินทร์ 2.จุดกลับรถศูนย์รวมเหล็ก 3.จุดกลับรถหน้าปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท.ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 4.จุดกลับรถหน้าสถานสงเคราะห์เด็กชายบางละมุง และ 5.จุดกลับรถหน้าบ้านพักกรมตำรวจ โดยตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 5 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถใช้ถนนในจุดกลับรถทั้ง 5 จุด จะขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะเป็นถนนเส้นสุขุมวิทซึ่งเป็นทางหลักที่จะมุ่งหน้าออกถนนเลี่ยงเมืองและเข้าเมืองชลบุรีประชาชนจึงไม่ค่อยระวัง ประกอบกับมีรถชอบย้อนศรเพื่อมาใช้จุดกลับรถบริเวณดังกล่าว จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ทั้งนี้อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบลงตรวจสอบ และปรับปรุงแก้ไข จุดกลับรถทั้ง 5 จุดด้วยการติดไฟส่องสว่างพร้อมทั้งทำป้ายเตือนให้เห็นชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสีย นอกจากนี้อยากให้หน่วยงานทีเกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในเขตชุมชนที่ใกล้เคียงกับจุดกลับรถที่เป็นจุดเสี่ยงให้ประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่เหล่านั้นขับรถด้วยความระมัดระวัง สวมหมวกกันน็อค และเคารพกฎจราจรให้มาก เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต