กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ปัจจุบันเทคโนโลยีทันสมัยขึ้นทำให้คนไทยขี้เกียจและเดินน้อยลง ชี้หากเดินเป็นประจำสามารถป้องกันมะเร็งได้ถึง 31%, หากเดินสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง จะเพิ่มความสุขสร้างเสริมสุขภาพดี, เดินสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ช่วยลดไขมันส่วนเกินรอบเอวได้ 16% และเมื่อเดินเร็ว 20-60 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ช่วยลดความเครียดได้ ระบุต่อสื่อหนังสั้นทั้ง 11 เรื่อง จะใช้เผยแพร่รณรงค์สร้างมิติใหม่ “ยิ่งเดินยิ่งดีต่อสุขภาพ” “ยิ่งใกล้ยิ่งต้องเดิน”
โครงการปิ๊งส์ แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ บริษัท โพลี เทเลมีเดีย จำกัด, โครงการผลักดันการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน (IBIKEIWALK), สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งประเทศไทย, สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย, สยามสแควร์วัน (Siam Square One) และภาคีเครือข่าย เผยได้แล้วสุดยอดผลงานหนังสั้นในโครงการประกวดหนังสั้น “ชีวิตติดเดิน” (เมื่อสองเท้าเริ่มออกเดิน...เราเริ่มเห็นชีวิตด้านดีๆ มาร่วมทำให้ความคิดออกเดินด้วยกัน) โครงการที่ต้องการใช้หนังสั้นเป็นสื่อกลางให้คนในสังคมหันมาให้ความสำคัญกับการเดิน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้ชีวิตดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
โดยทันตแพทย์ อนุศักดิ์ คงมาลัย ประธานคณะกรรมการกำกับทิศ โครงการผลักดันการเดินและการใช้จักรยานไปสู่นโยบายสาธารณะของประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทันสมัยขึ้นทำให้คนในสังคมขี้เกียจและเดินน้อยลง เมื่อไม่ได้ออกแรงทำให้มีโอกาสมีปัญหาสุขภาพสูงขึ้น ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงชีวิตก็จะสั้นลงตามไปด้วย ทางแก้ที่ดีที่สุดง่ายที่สุดนั่นคือการเดิน เพราะ“ยิ่งเดินยิ่งดีต่อสุขภาพ” “ยิ่งใกล้ยิ่งต้องเดิน” ซึ่งหากเดินเป็นประจำสามารถป้องกันมะเร็งได้ถึง 31%, หากเดินสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง จะเพิ่มความสุขสร้างเสริมสุขภาพดี, เดินสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ช่วยลดไขมันส่วนเกินรอบเอวได้ 16%, เมื่อเดินเร็ว 20-60 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ช่วยลดความเครียดได้, หากเดิน 1 กิโลเมตร จะช่วยเผาผลาญได้ถึง 60 แคลอรี่ ถ้าเดินสัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ร้อยละ 40 เลยทีเดียว
ด้านนายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า จากการทำงานรณรงค์เรื่องสุขภาพของคนในสังคมด้วยโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาพบว่า การเดินมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเราครบทั้ง 4 ด้าน อาทิ สุขภาพทางกาย, จิตใจ, สังคม และปัญญา ซึ่งหากเดินในปริมาณที่พอเหมาะร่างกายส่วนต่างๆ ก็จะแข็งแรง อาทิ กล้ามเนื้อ, กระดูก, ข้อ เป็นการช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ได้ โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันลดลงทำให้สุขภาพทางกายแข็งแรง และเมื่อพาตัวเองออกเดินจะมีเวลาในการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนในสังคมที่ได้พบเจอระหว่างเดิน ได้มองสังคมรอบข้างชัดเจนขึ้น ได้เปิดโลกทัศน์ ค้นพบมุมมองใหม่ๆ จากคนรอบข้างมากขึ้นทำให้สุขภาพทางสังคม เกิดขึ้น ส่วน สุขภาพทางจิตใจ นั้นเกิดขึ้นได้เพราะการเดินทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สามารถกำจัดความเครียดได้ ด้วยการได้คิดมากขึ้น ทำให้มีสติ และเมื่อมีสติมากขึ้นสุขภาพทางปัญญาก็เกิด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมหัศจรรย์แห่งการเดินที่เกิดขึ้นได้ นี่จึงเป็นที่มาของโครงการประกวดหนังสั้น “ชีวิตติดเดิน” (เมื่อสองเท้าเริ่มออกเดิน...เราเริ่มเห็นชีวิตด้านดีๆ มาร่วมทำให้ความคิดออกเดินด้วยกัน) หลังจากเปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-25 ปีเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก แต่มีเพียง 11 ทีมเท่านั้นที่ได้รับทุนเพื่อผลิตผลงานจริง ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น
ซึ่งนายวรสิทธิ์ ลีลาบูรณพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโพลี เทเลมีเดีย จำกัด กล่าวว่า การเดินเปรียบเสมือนการเดินทาง การไม่หยุดนิ่ง การได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ได้มากกว่าการอยู่กับที่ ในเชิงชีววิทยาการเดินเป็นประจำพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกายมีระบบการไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะมีสุขภาพดีได้จากการเดิน ในเชิงปรัชญา การเดินถือเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นการรับรู้จากกายและใจก็ตาม เมื่อการเดินมีความสำคัญเช่นนี้ การนำเรื่องราว มุมมองของการเดินมาถ่ายทอดผ่านหนังสั้นจึงเป็นสื่อที่น่าสนใจที่จะสื่อสารให้สังคมหันมาสนใจการเดินมากขึ้น ซึ่งจากหลังเยาวชนรวมพลังสร้างสรรค์ผลงานทั้ง 11 เรื่องมาตั้งแต่ต้นปีนั้นมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน แต่จากการตัดสินของคณะกรรมการผลปรากฏว่า หนังสั้นเรื่อง “ไอ้ปื๊ด” โดยห่าง ห่าง ฟีล์ม คว้าสุดยอดผลงานไปครองเนื่องจากมีเนื้อหาน่าสนใจและตอบโจทย์การเดินที่สุด ซึ่งสุดยอดผลงานนี้จะรับได้รับโล่ห์ ประกาศนียบัตร และ ทุนการศึกษามูลค่า 50,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามผลงานชิ้นอื่นๆ ก็น่าสนใจและนำเสนอออกมาได้ดีไม่แพ้กัน แน่นอนว่าผลงานทั้งหมด 11 ทีม ทางช่อง “พีเอสไอ สาระดี” จะนำมาออกอากาศเพื่อสื่อสารความคิดของหนังสั้นแต่ละเรื่องให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น นอกจากนี้ ทาง PSI Broadcasting ซึ่งเป็นเจ้าของโครงข่ายผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม ทางเจ้าของช่องต่างๆ เพื่อนำหนังสั้นทั้งหมดไปออกอากาศเพื่อขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันโครงข่ายของ PSI Broadcasting มีช่องทีวีดาวเทียมกว่า 30 ช่องต่อไป
ทั้งนี้นายพัฒนะ จิรวงศ์ จากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กล่าวว่า ผลงานหนังสั้นที่แต่ละทีมได้ผลิตออกมานั้นมีการพัฒนาองค์ความรู้ของการผลิตหนังสั้น หลังจากแต่ละทีมได้ผ่านโครงการฯ คิดว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์จากพี่เลี้ยงและวิทยากรด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์เพื่อต่อยอดองค์ความรู้การผลิตหนังสั้น ให้สามารถพัฒนาการผลิตหนังสั้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต โดยประสบการณ์ที่ทุกคนได้รับจากโครงการประกวดหนังสั้น “ชีวิตติดเดิน” ครั้งนี้ถือเป็นผลสำเร็จที่จะสร้างบุคคลากรมืออาชีพในด้านการผลิตภาพยนตร์ให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะผลงานที่ได้ครั้งนี้นอกจากจะมีความหลากหลายทั้งด้านการสรุปประเด็น ความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบการนำเสนอ มีความน่าสนใจ และเมื่อได้ผ่านการสื่อสารออกไปแล้วจะสามารถสร้างการรับรู้ สร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมได้ ที่สำคัญหนังสั้นบางเรื่องอาจสามารถกระตุ้นความคิดความรู้สึกของผู้คนในสังคมเกี่ยวกับเรื่องการเดินได้ และหากการสื่อสารดังกล่าวสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ ถือว่าผลงานของน้องๆ ได้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถชมผลงานทั้งหมดนี้ได้ที่ช่อง พีเอสไอ สาระดี และตามสื่อต่างๆ ได้เร็วๆ นี้ ติดตามความเคลื่อนไหวและติดตามตัวอย่างหนังสั้นทั้งหมดได้ที่ www.psichannel.com , www.artculture4health.com และ www.PINGs.in.th
“สำหรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ผลงานเรื่องเดิน ของทีม Palallel รับโล่ห์ ประกาศนียบัตร และ ทุนการศึกษามูลค่า 30,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ผลงานเรื่องบักแคน ของทีม The Anika (ดิ แอนนิกา) รับโล่ห์ ประกาศนียบัตร และ ทุนการศึกษามูลค่า 10,000 บาท ส่วนรางวัลชมเชย เป็นผลงานเรื่องแค่ 1 กิโลเมตร ของทีม Cestode Studio และเรื่องRestart อีกครั้ง...ที่ฉันเลือกเดิน จากทีมทีม Spring Up ทั้ง 2 ทีมนี้จะได้รับโล่ห์ ประกาศนียบัตร และ ทุนการศึกษามูลค่า 5,000 บาท” นายพัฒนะ จิรวงศ์ กล่าวเสริม