กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ สตูดิโอ คำม่วน
ท้าทายทุก “สายตา” กับประสบการณ์“เห็นผี” ครั้งใหม่!!
เพราะรักหมดใจ คนเรายอม “ท้าทาย” ได้ทุกอย่าง!
เพราะเชื่อสนิทใจ บางคนเลยได้ “เห็น” ทุกอย่าง!!
The Eyes Diary คนเห็นผี
“ของ”ทุกชิ้นมี“เจ้าของ” และ “เรื่องราวสุดท้าย” เสมอ!!
4นักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถ ปั้นจั่น* โฟกัส * เมโกะ* แจ๊ค
พร้อมแล้วที่จะถ่ายทอด “ความหลอนสยองโรแมนติก”
โดย “มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล”
แห่ง “คนผีปีศาจ”,“13 เกมสยอง” และ “รักแห่งสยาม”
กลับคืนสู่ความดาร์คไซด์สุดระทึก ตลาดหนังทั้งเอเชียเตรียมอ้าแขนรับ!
ควบคุมงานสยองโดย-จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ
30 ต.ค.นี้ ท้าติดตา ทุกโรงภาพยนตร์!!
The Eyes Diary คนเห็นผี
กำหนดฉาย 30 ตุลาคม 2557
แนวภาพยนตร์ Romantic-Horror
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง สตูดิโอคำม่วน
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ
กำกับภาพยนตร์ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
ดำเนินงานสร้าง กนกพร บุญธรรมเจริญ
กำกับภาพ อิทธิพงศ์ สุวรรณรูป
เรื่อง เอนก ร้อยแก้ว และ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน)
บทภาพยนตร์ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
ฟิล์มแลบส์ กันตนา แล็บบอราทอรี่
บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงกันตนา
ออกแบบงานสร้าง วุฒินันท์ ดุริยประณีต
ลำดับภาพ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล,หัสชัย มาเอียด,มนตรี สีบู่
ดนตรีประกอบและออกแบบเสียง ออริจิน กัมปะนี
เพลงประกอบภาพยนตร์ “คิดถึง” ขับร้องโดย “พละ ธนพล มหัทธนาดุลย์”
สเปเชี่ยล เอฟเฟกต์ เมคอัพ คิว กิตติชนม์ กุลรัตน์ชล(QFX WORK SHOP)
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ณัฐวรรณ เป็งพงา
ทำผม มนพัทธ์ กาลอ
แต่งหน้า พันธุ์ภฤต สุวรรณประกร
นักแสดง ปรมะ อิ่มอโนทัย, โฟกัส จีระกุล, ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย, กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา
เรื่องราวของ “The Eyes Diary คนเห็นผี”
เมื่อ “ความตาย” เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่า“รัก”มีค่าแค่ไหน
สามเดือนแล้วที่น็อต (ปั้นจั่น) เป็นแบบนี้ เต็มไปด้วยความเศร้าสลด ทุกข์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงเป็นเพราะเหตุการณ์คืนนั้นคืนเดียวที่ทำให้เขาต้องสูญเสียปลา (โฟกัส) แฟนสาวในอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำที่เขาเป็นคนขี่มันเอง
น็อตอยากจะลืมแต่ลืมไม่ได้ ทั้งรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจจนหัวใจจะแตกสลาย ทางเดียวที่น็อตคิดว่าจะทำให้เขาพ้นความเจ็บปวดนี้ไปได้ คือการได้พบกับปลาที่ตายไป น็อตพยายามค้นหาวิธีทำให้เห็นผี ในที่สุดก็ได้สมัครเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเก็บศพ และ แอบเก็บของเล็กๆน้อยๆของคนที่ตายโหงกลับบ้านไป เพราะคิดว่า เมื่อได้เห็นผี น็อตอาจจะได้เจอปลา แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น น็อตไม่เคยเจอผีสักครั้ง แต่คนที่เจอกลับเป็นเพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกับน็อตที่ต้องขนหัวลุกกันแทบทุกวัน ท้ายสุดไม่มีใครทนได้จึงพากันย้ายหนี เหลือเพียง มดตะ (เมโกะ) เพื่อนสาวอีกคน ที่พอจะเข้าใจน็อต และพร้อมจะเคียงข้างเขา
จอห์น(แจ๊ค) เพื่อนที่มูลนิธิอาสาฯ พยายามบอกน็อตว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว การได้เห็นวิญญาณมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แต่น็อตไม่ฟัง เพราะน็อตต้องการบอกอะไรบางอย่างกับปลา น็อตเพิ่มระดับความท้าทายเพื่อต้องการเผชิญหน้ากับวิญญาณเฮี้ยนทั้งหลายและนำเขาไปสู่ปลา น็อตได้เจอกับปลาอย่างที่เขาหวังไว้ไหม สิ่งสุดท้ายที่น็อตต้องการจะบอกกับปลา น็อตจะทำได้ไหม…โดยน็อตหารู้ไม่ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ใน “สายตา” ของปลาด้วยเช่นกัน
บทบาทและคาแรคเตอร์ The Eyes Diary คนเห็นผี
น็อต หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ผู้มีปมลึกๆ ในใจ จนทำให้เขามีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เฉียดหรือมีประสบการณ์เห็นผี แม้กระทั่งยอมเก็บสะสมของของคนตายมาไว้ที่บ้าน และเข้าทำงานในกู้ภัยจิตอาสาเก็บศพ เพียงเพราะคิดว่าการเข้าไปใกล้ชิดกับคนตาย อาจเป็นเพียงสิ่งที่เดียวที่ทำให้เขาสามารถมองเห็นคนรักของเขาได้
รับบทโดย ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย นักร้อง-นักแสดงหนุ่มหล่อวัย 27 ปี เป็นที่รู้จักจากการเป็นนักร้องวง Nice to Meet You สังกัดค่ายอาร์เอส และมีผลงานละคร อาทิ ช่วยด้วยครับ ผมรักลูกสาวเจ้าพ่อ, ทองประกายแสด, ยอดรักนักสู้, คาราบาวเดอะซีรี่ย์, ผู้ชนะสิบทิศ และบางระจัน อีกทั้งยังมีผลงานพิธีกรรายการอย่าง Star Road Trip ที่ประกบคู่กับก้อง-ปิยะ ด้วย สำหรับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในปี พ.ศ. 2552 ประสบความสำเร็จกับบท “ไฟ” ช่างซ่อมมอเตอร์ไซด์รูปหล่อ ใน “It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก” จนได้รับรางวัลการันตีความสามารถในด้านการแสดงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง “It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก” จากสถาบันต่างๆมากมาย อาทิ สตาร์พิคส์อวอร์ด,สุพรรณหงส์,ชมรมวิจารณ์บันเทิง
ปลา แฟนสาวของน็อต ขี้หึง ขี้งอน ขี้น้อยใจ เป็นคนเก็บรายละเอียดทุกความทรงจำเกี่ยวกับคนรักและก็เป็นคนที่กลัวผีที่สุด แต่กลับต้องจำยอมให้น็อตเก็บของของคนตายเข้ามาสะสมไว้ที่บ้าน อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาผีในรูปแบบต่างๆ แบบไม่เต็มใจด้วย เพราะเธอรักและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่เธอรักมีความสุขและปลอดภัย หลังเสียชีวิตยังคงวนเวียนผูกผันกับน็อตโดยไม่ไปไหน
รับบทโดย โฟกัส จีระกุล นักแสดง นักร้องสาววัยรุ่นที่โด่งดังและประสบความสำเร็จ เป็นที่จับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการจากบท “น้อยหน่า” ในภาพยนตร์เรื่อง “แฟนฉัน” ด้วยความน่ารักและสามารถเข้าถึงบทบาทการแสดงชนิดที่เรียกว่าตีบทแตก ทำให้โฟกัสกลายเป็นนางเอกขวัญใจของคนดูทั่วประเทศ และเธอยังมีผลงานภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ เก๋า...เก๋า, ผีเลี้ยงลูกคน, ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น, ตีสาม 3D และเป็นเจ้าของรางวัลเฉลิมไทยอวอร์ดและแฮมเบอร์เกอร์อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงจากแฟนฉันและรางวัลสุพรรณหงส์,ชมรมวิจารณ์บันเทิง,คมชัดลึกอวอร์ด,สตาร์พิคส์อวอร์ด,แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ด,สตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานละครอย่างเวียงร้อยดาว รวมถึงผลงานด้านโฆษณา และ MV เพลงอีกมากมาย
มดตะ เพื่อนสาวในกลุ่มก๊วนมหาวิทยาลัย เดียวกันกับน็อต เธอเป็นคนน่ารัก จิตใจดี เธอพยายามสร้างความสุขให้ตัวเอง เพื่อปิดบังปมในใจหรือเรื่องราวความหลังที่แสนเจ็บปวด ที่เธอไม่สามารถอธิบายให้ใครได้รับรู้ เธอเป็นคนเดียวที่สนับสนุนการกระทำอยากเห็นผีของน็อต อีกทั้งยังอาสาที่จะขอร่วมเปิดประสบการณ์การเห็นผีในครั้งนี้ด้วย
รับบทโดย เมโกะ-ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่งของเมืองไทย ปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าสู่วงการตั้งแต่ 5 ขวบ จากการถ่ายโฆษณา จากนั้นก็มีผลงานโฆษณา อย่าง สก็อตเพียวเร่ และ MV อย่าง อุคริ จุ๊บุ๊ หุหุ (Noob!) ของเสลอ สำหรับงานด้านภาพยนตร์ เมโกะได้ฝากผลงานไว้ในเรื่องตั้งวง และแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในบท “ซูริ” จากภาพยนตร์เรื่อง Mary is Happy,Mary is Happy ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอคว้ารางวัลสุพรรณหงส์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครอง ล่าสุดกำลังจะมี “The Eyes Diary คนเห็นผี” ผลงานภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่องแรก จากฝีมือการกำกับของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
จอห์น เพื่อนสนิทในสายอาชีพกู้ภัยเก็บศพของน็อต หนุ่มมาดเข้มที่ดูเหมือนเป็นคนขี้เก็ก แต่แท้จริงแล้วเขาคือคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคนอื่นทุกเมื่อ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การเห็นผีมาอย่างโชกโชน เป็นคนที่คอยเฝ้ามองดูพฤติกรรมอยากเห็นผีของน็อตอยู่ห่างๆ คอยแนะนำ และเป็นคนที่พยายามเตือนให้น็อตล้มเลิกความตั้งใจที่อยากจะเห็นผี เพราะเขารู้ดีว่าผลลัพธ์ที่ได้มันจะเป็นอย่างไร
รับบทโดย แจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา นักแสดงหนุ่มหน้าใสวัย 20 ปี ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกจากบท “บีม” ในภาพยนตร์เรื่อง “HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ” และบท “โมน” ในภาพยนตร์เรื่อง “เกรียนฟิคชั่น” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งให้แจ็คได้รับรางวัลคมชัดลึกอวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย และในปี พ.ศ. 2557 แฟนๆ จะได้พบกับผลงานการแสดงชิ้นล่าสุด “The Eyes Diary คนเห็นผี” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น-สยองขวัญเรื่องแรกจากฝีมือการกำกับของมะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่ว่ากันว่าเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญทางการแสดงของเขาด้วย
ประวัติ ผู้กำกับ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล คือผู้กำกับรุ่นใหม่มากฝีมือของไทยที่ได้รับการยกย่องและเป็นที่ยอมรับจากผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ 7 เรื่อง ที่ถูกผลิตออกมาในระบบสตูดิโอตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปี ส่งผลให้ภาพยนตร์ที่มีชื่อของมะเดี่ยว-ชูเกียรติ มักกวาดรางวัลสำคัญๆ ทางด้านภาพยนตร์จากสถาบันต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ไปจนถึงรางวัลทางด้านการแสดงของเหล่านักแสดงระดับคุณภาพทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่มานับไม่ถ้วน ถึงขนาดในปี พ.ศ.2553 มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ได้รับการคัดเลือกจากนิตยสาร Hollywood Reporter ให้เป็น 1 ใน 20 ผู้รับรางวัล The Next Generation Asia คนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองประจำปี
ด้วยความสามารถรอบด้านทั้งในส่วนของการเขียนบท-กำกับภาพยนตร์ รวมไปถึงความสนใจและศึกษางานทางด้านภาพและการลำดับภาพอย่างจริงจังส่งผลให้มะเดี่ยว-ชูเกียรติเป็นผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่องานกำกับ และลำดับภาพในภาพยนตร์ทุกเรื่องรวมไปถึงงานทางด้านดนตรีประกอบและการเขียนเนื้อร้องและแต่งทำนองในเพลงประกอบภาพยนตร์ และถึงขั้นโชว์ความสามารถในการขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง
นับตั้งแต่ “บ้านเก่า” ภาพยนตร์สั้นเรื่องแรกในปี 2543 ที่มะเดี่ยวกำกับตอนอายุ19 ปี ในขณะที่เรียนปี2คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปรากฎสู่สายตาสาธารณะเป็นครั้งแรกมาจนถึงภาพยนตร์สั้นกึ่งสารคดีที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศสาขาช้างเผือกจากมูลนิธิหนังไทยเรื่อง “2003” ก่อนที่ในอีก1ปีต่อมาจะประเดิมอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์อย่างเต็มตัวให้กับ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จาก “คนผีปีศาจ” ในปีพ.ศ.2547 ตามด้วย 12 (12 begins)ภาพยนตร์สั้นที่เป็นปฐมบทของ “13เกมสยอง” ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกระทั่งสตูดิโอจากฮอลลีวู้ดซื้อสิทธิ์ไปรีเมคและออกฉายทั่วโลกในชื่อ “13 sins” 13 เกมสยองถูกเชิญเข้าร่วมฉายและประกวดในเทศกาลภาพยนตร์สำคัญๆทั้งในระดับประเทศและนานาชาติจนสามารถคว้ารางวัลใหญ่ๆในหลายเทศกาล อาทิ Best of Puchon: Puchon International Film Festival (PiFan) ครั้งที่ 11 ประเทศเกาหลี, Best Asian Film award: European Fantastic Film Festival Federation Asian Award หรือ EFFFF, Best Asian Film: The Golden Prize จาก The Fantasia International Film Festival ครั้งที่ 9 ประเทศแคนาดา, Golden Raven award: Brussels International Festival of Fantastic Film และเข้าร่วมใน 4 เทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก อาทิ Hannya Film Festival 2007 (สเปน) Udine Far East Film Festival (อิตาลี), Neuchatel International Fantastic Film Festival (สวิสเซอร์เลนด์), Fantasia International Film Festival (แคนาดา), Puchon International Fantastic Film Festival (เกาหลี) ก่อนที่จะหันไปเอาดีในการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ในแนวดราม่าที่สะท้อนเรื่องราวของวัยรุ่นและครอบครัวผ่านแง่มุมทางด้านความรักจนประสบความสำเร็จและคว้ารางวัลมากมายโดยเริ่มจาก “รักแห่งสยาม” (คว้ารางวัลสำคัญๆอย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,ผู้กำกับยอดเยี่ยม,บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมไปถึงรางวัลทางด้านการแสดงของนักแสดงจากภาพยนตร์-สินจัย หงษ์ไทย,พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ,ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ฯลฯ จากเวทีประกาศรางวัลทางด้านภาพยนตร์ใหญ่ๆในประเทศคละเคล้ากันไปอย่างสุพรรณหงส์ทองคำ,ชมรมวิจารณ์บันเทิง,เฉลิมไทยอวอร์ด,สตาร์เอนเตอร์เทนเนท์อวอร์ด,สตาร์พิคส์อวอร์ดและในต่างประเทศอาทิ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม-มาริโอ้ เมาเร่อจากเทศกาลหนังซีเนมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และรางวัลมหาชนนิยม Silver Bunny trophy จากบราซิล) โดยมีหนังสั้น2เรื่องในระหว่างนั้นในโปรเจ็คต์รวมผู้กำกับจาก “ฝัน” ใน “ฝันหวานอายจูบ” และ “ฮูอากง”ใน “หลุดสี่หลุด” และกลับมาจับงานดราม่าโรแมนติคอีกครั้งโดยผลิตภายใต้บริษัทโปรดักชั่น “สตูดิโอคำม่วน” ของตัวเองโดยประเดิมที่ “HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ” และ “เกรียนฟิคชั่น” และแน่นอนที่ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องยังคงได้รับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสำคัญรวมไปถึงสามารถคว้ารางวัลใหญ่ๆจากเวทีการประกาศรางวัลต่างๆในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,ผู้กำกับยอดเยี่ยม,บทภาพยนตร์รวมไปถึงรางวัลทางด้านการแสดงอย่าง เพ็ญพักตร์ ศิริกุล,ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์,แจ๊ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา นอกจากนี้ยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในงานเพลงของวงเสือโคร่ง และพิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุลซึ่งเป็นศิลปินชาวไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดและมีกลุ่มแฟนคลับจำนวนมหาศาลที่ประเทศจีน ล่าสุดกำลังมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary คนเห็นผี” ที่เป็นการหวนกลับมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ในแนวระทึกขวัญสยองขวัญที่ผสมผสานกับอารมณ์รักโรแมนติคในทางถนัดครั้งแรกในรอบ10ปี
เปิดบันทึกงานสร้าง ““The Eyes Diary คนเห็นผี”
“เมื่ออุปสรรคของความรักคือความตาย”
10ปีเต็ม จาก “คน ผี ปีศาจ” ถึง “The Eyes Diary คนเห็นผี”
สู่ประสบการณ์ “หลอนสยองโรแมนติคครั้งใหม่” ในมุมมอง “เห็นผี”
ของ “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล”
ที่ตลาดหนังทั้งเอเชียรุมซื้อสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่เปิดกล้อง
นับเป็นการกลับมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แนวระทึกขวัญสยองขวัญในรอบ 10 ปี ของผู้กำกับมือรางวัล “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” ตั้งแต่ “คน ผี ปีศาจ” ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องแรกเมื่อปี พ.ศ.2547 และตามด้วย “13เกมสยอง” ก่อนที่จะหันไปสร้างชื่อและประสบความสำเร็จกับ “รักแห่งสยาม” ภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติคที่กวาดรายได้และคว้ารางวัลทางด้านภาพยนตร์อย่างมากมาย
และในปี พ.ศ.2557 สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และสตูดิโอคำม่วน พร้อมแล้วที่จะนำทุกท่านดำดิ่งลงสู่ด้านมืดที่ลึกสุดของมนุษย์กับความต้องการ “เห็น” ที่จะเปลี่ยนชีวิตโดยสิ้นเชิงเมื่อความตายคืออุปสรรคสำคัญของความรักอันนำไปสู่เรื่องราวชวนขนลุก ใน“The Eyes Diary คนเห็นผี” ภาพยนตร์แนวโรแมนติค-เฮอร์เรอร์ เรื่องล่าสุด ภายใต้การผสมผสานของ2แนวทางภาพยนตร์ที่เป็นทางถนัดและถือได้ว่าเป็นลายเซ็นต์เฉพาะตัวของมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุลผู้กำกับ
“หนังเรื่องนี้จริงๆมันก็คือหนังที่พูดถึงเรื่องราวความรักของตัวละครที่มีอุปสรรคคือความตาย หนังรักที่เอาตัวเราไปแทนได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เรารักตายจากไปโดยที่มีอะไรบางอย่างติดค้างคาอยู่ แล้วเราพยายามจะสื่อสารกับเขา ชีวิตจริงเราอาจไม่กล้าทำอย่างตัวละครในหนัง แต่ว่าเราลองไปดูว่ามีอะไรที่เมื่อเราข้ามเส้นของความกลัว ความสยดสยองไปแล้ว ความรักจะสามารถนำพาให้เราผ่านความกลัว ความเกลียดชังที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามันคืออะไร ความรักจะผลักดันคุณให้ทำถึงขนาดนั้นได้ไหม สิ่งที่คนดูจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้มันคือการเห็นตัวคุณเอง ว่าตัวคุณจะทำได้ขนาดไหน ถ้าเกิดจะต้องเสียคนที่คุณรักที่สุด ถ้าคุณรู้ว่าคนรักของคุณอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโลก ทำได้ขนาดไหนเพื่อที่จะได้เจอ ได้เห็น ได้เคลียร์สิ่งที่ติดค้างอยู่ คือดูแล้วอาจจะรักคนที่คุณรักมากขึ้นอาจจะเห็นความสำคัญของคนที่คุณมีความผูกพันกับเขามากขึ้น ดูแล้วจะไม่อยากตายไปจากกัน เพราะความตายมันเป็นอุปสรรคที่ใหญ่โต แล้วมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดขึ้นกับเราตอนไหนด้วย สิ่งสำคัญถ้าหากคุณมีความรักอยู่กับตัวคุณเองแล้วรักษามันไว้ให้ดีทำวันนี้กับคนที่คุณรักให้ดีที่สุด”
ด้วยพล็อตเรื่องและไอเดียที่มาพร้อมกับความแปลก และแตกต่างจากหนังรักและหนังผีสยองขวัญโดยทั่วๆไปเรียกได้ว่า “เข้าตา” จนสามารถสร้างความฮือฮาในตลาดการซื้อขายภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ The Eyes Diary คนเห็นผี จากผลงานการสร้างและจัดจำหน่ายของสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลประสบความสำเร็จสามารถขายสิทธิ์ pre-sale ในการจัดจำหน่ายให้กับผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศได้ในหลายประเทศตั้งแต่ตัวหนังยังไม่เปิดกล้องถ่ายทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้SEA(South East Asia)เกือบทั้งหมดซึ่งประกอบไปด้วย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน ยกเว้นเพียง พม่า,ลาว,เขมร เท่านั้นเอง จากการเปิดเผยของ มร.กิลเบิร์ต ลิม รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส ฝ่ายต่างประเทศ บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
“เป็นเพราะเนื้อหาและเรื่องราวของหนังจริงๆ มันมีความพิเศษตรงที่ตัวเรื่องราวของหนังไปสัมผัสความรู้สึกคน ซึ่งมีทั้งในส่วนของความซึ้งโรแมนติค แต่ในขณะเดียวกันก็น่ากลัวมากๆ ตอนที่ลูกค้าได้ฟังพล็อตเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความสยองและน่ากลัวมากๆ บางฉากที่เล่าเรื่องของเหตุการณ์ที่ตัวละครต้องเจอมันค่อนข้างจะชวนให้คนดูรู้สึกขนลุก แต่กลับกลายเป็นว่าตัวหนังเองนอกจากทำให้คนดูรู้สึกขนลุกด้วยความกลัวแล้วยังสามารถทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงมุมความโรแมนติคที่รวมเข้าไปอยู่ในตัวหนังด้วย กลายเป็นว่าแม้แต่เรื่องราวในส่วนโรแมนติคก็ทำให้คนดูเกิดอาการขนลุกได้ด้วย คือมันมีหลายฟีลลิ่งที่รวมอยู่ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งน้อยมากที่จะมีหนังผีสักเรื่องที่มีอารมณ์แบบนี้ที่มันน่ากลัวแล้วก็โรแมนติคอีก หลายคนฟังเรื่องแล้วรู้สึกอินมาก”
มะเดี่ยวการันตีจับตาดูเซอร์ไพรส์4คาแรคเตอร์ “เห็นผี” เปิดพื้นที่การแสดง
“ปั้นจั่น,โฟกัส,เมโกะ,แจ๊ค” 4 นักแสดงมือรางวัลพร้อมปล่อยของ
แต่เหนืออื่นใดในทุกองค์ประกอบดังกล่าวจะไม่สัมฤทธิ์ผลเลยหากไม่ได้พลังทางด้านการแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกซึ่งเรียกได้ว่าอัดแน่นจัดเต็มในทุกๆฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากตื่นเต้นระทึกขวัญหลอนสยองในความรู้สึกที่แต่ละตัวละครจะต้องเผชิญหน้าหรือตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว รวมไปถึงฉากที่ต้องมีการระเบิดอารมณ์ของตัวละครซึ่งเราจะได้เห็นศักยภาพและความสามารถตลอดจนความทุ่มเทอันเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคมีทางด้านการแสดงระหว่างกันของ4นักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถที่การันตีด้วยรางวัลทางด้านการแสดงจากภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของทุกคนไม่ว่าจะเป็น ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย,โฟกัส จีระกุล,เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย และแจ๊คกิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ที่สอดคล้องกันได้อย่างกลมกลืน ในการที่จะต้องสวมชีวิตและบทบาทของ 4 ตัวละครสำคัญที่ล้วนแล้วแต่ผ่านประสบการณ์ “เห็นผี” ที่แตกต่างกัน
“อย่างการคัดเลือกนักแสดง พอบทมันออกมาแล้วเราก็ค่อยหานักแสดงไม่ได้เขียนๆแล้วนึกถึงใครมาก่อน แต่พอรู้ว่ามันเป็นการเฉือดเชือนกันระหว่างตัวละครที่มันมีอะไรบางอย่างอยู่ในตัว ก็ต้องเลือกคนที่เล่นได้ อย่างตอนเลือกน็อต พระเอกก็คือปั้นจั่น ปั้นจั่นเคยเห็นใน “ไม่ได้ขอให้มารัก” แล้วก็เป็นนักแสดงที่มีของ มีฝีมือ ก็น่าสนใจ เราอยากเห็นคนที่มีฝีมืออย่างนี้ เราอยากเห็นพัฒนาการของเขาต่อๆไป อย่างคาแรกเตอร์ของน็อต จริงๆปั้นจั่นเป็นคนกลัวผีมากเลย แต่น็อตนี่เป็นคนที่ไม่กลัวผีแต่อยากจะเห็นผีแล้วปั้นจั่นก็ไม่เคยเห็นผีแล้วก็ไม่เคยตกใจเวลาเห็นผี มันก็ต้องมีอะไรที่ต้องปรับต้องจูนกันเยอะ เขาก็พยายามทำให้เรา เวลาตกใจเห็นผีมันต้องกลัวอะไรเหรอพี่ คือมันเป็นดีเทลแล็กๆน้อยๆว่ามันตกใจมันก็มีหลายแบบ ตกใจเห็นผีมันคงไม่เหมือนเวลาที่เรากลัวแมลงสาบ แล้วเราจะเห็นมัน มันคงไม่ใช่เป็นแบบนั้น ก็คุยกันนานกว่าจะตกใจแบบไหนดี แล้วก็คาแรกเตอร์ของเขามีเรื่องจะต้องคิด จะต้องดำดิ่งสู่ด้านมืดลงไปเรื่อยๆจากการที่แค่อยากเห็นแฟน แต่มนต์เสน่ห์สิ่งลี้ลับมันดึงดูดให้เขาไปอยู่ด้านมืดกว่านั้น ตัวละครต้องมีพัฒนาการที่น่ากลัว ปั้นก็ทำได้ดี”
ในขณะที่ตัวปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย เองที่เป็นคนกลัวผีที่สุดถึงขนาดขอผู้กำกับห้อยพระเครื่องตลอดการถ่ายทำแต่กลับต้องมาถ่ายทอดบท”น็อต”ว่านี่คือตัวละครโรแมนติคที่หม่นและมีด้านมืดอยู่ในตัวเยอะที่สุดในชีวิตการแสดงและยอมรับว่าตกหลุมรักในเสน่ห์ของโฟกัสที่รับบทเป็นปลาคนรักของเขาไปโดยไม่รู้ตัว
“ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันแตกต่างจากหนังผีทั่วไป เพราะว่ามันไม่ได้สักแต่ว่าจะทำให้คนดูตกใจ แต่มันมีเรื่องราวของความรักด้วย และผมก็รู้สึกอินกับตัวละครของโฟกัสจริงๆ รู้สึกว่าเคมีมันลงตัว พอได้มาเล่นมาเข้าฉากด้วยกันมันก็จะเป็นอะไรที่ลงตัว จนถึงขั้นผมติดรอยยิ้มของโฟกัสกลับไปที่บ้าน เหมือนหลงเสน่ห์รอยยิ้มนั้นจริงๆเวลากลับมากรุงเทพก็อยากจะให้ถึงวันที่มีคิวถ่ายเร็วๆ จะได้ไปเห็นรอยยิ้มนั้นอีก แล้วยิ่งเวลาเข้าฉากถ่ายทำโดยเฉพาะในบ้านที่น็อตเองอยู่ประจำกับปลาและเพื่อนๆก็ยิ่งทำให้อินมากพอสมควร เพราะว่าแต่ละสถานที่มันมีเรื่องราว ซึ่งต้องยกนิ้วให้กับทีมอาร์ตที่หาบ้านได้สวยมีสไตล์และมีกลิ่นอายของความหลังเยอะมากๆ ในเรื่องของรายละเอียดก็ทำออกมาได้ดี เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปที่มุมไหนเราจะเห็นรูปแฟนเก่าของเราติดอยู่เต็มห้องไปหมดเลย จะเห็นภาพเขา เห็นความทรงจำที่มีความสุขอยู่ในนั้นตลอดเวลา แล้วมันทำให้เราคิดถึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับเราแล้วก็ตาม”
มาจนถึงตัวละครสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวที่ส่งผลกระทบต่อทุกตัวละคร เมื่อความตายของเธอคือจุดเริ่มต้นของการ “เห็นผี” ของทุกคน งานนี้มะเดี่ยวได้ “โฟกัส จีระกุล” นักแสดงสาวมากความสามารถมาสวมชีวิต “ปลา” หญิงสาวที่รักแฟนมากแม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“โฟกัสนี่อยากทำงานด้วยกันมานานแล้วคือเห็นกันมาตั้งแต่เด็กแต่เล็ก แล้วโฟกัสก็แสดงฝีมือให้เราเห็นอยู่ทุกเรื่องเลยที่น้องเขาไปเล่น คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจที่จะได้ทำงานด้วยกันก็เลยลองทาบทามไปดูแล้วพอน้องเห็นบทก็โอเค ส่วนคาแรกเตอร์ปลาของโฟกัส ต้องเล่นเป็นผีแต่ในหนังเรื่องนี้อยากให้เห็นว่าผีมันก็คือคนที่มีอายุไขในรูปแบบหนึ่ง โดยที่อายุไขก็คือความทรงจำ สำหรับคน อายุไขคือเราโต เราแก่ เราก็ตาย แต่ตายไปมันก็เป็นวิญญาณ อายุไขของวิญญาณมันคือความทรงจำ คือสิ่งที่เป็นเมมโมรี่ของเรื่องต่างๆ ตายแรก ๆ เราอาจจะจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างมันก็จะหายไปๆ จนเหลือแค่ความทรงจำไม่กี่อย่างที่มันวนๆเวียนๆอยู่อย่างนั้น โฟกัสคือวิญญาณที่ยังวนเวียนอยู่กับคนที่เขารัก ก็ไม่ได้ไปไหน ก็มีแต่ความทรงจำอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าวนเวียนแล้วไม่มีความทรงจำอย่างอื่นเลยมันก็กลายเป็นผี เป็นสัมภเวสี เป็นสิ่งที่แบบลุ่มหลงวนเวียนกับอะไรของตัวเองที่หมกหมุ่น ทางออกของก็คือจะทำยังไงให้พ้นไปจากสภาวะนั้น คือเขาเรียกภาษาบ้านๆคือไปสู่สุขคติจะได้ไม่ยึดติดวนเวียน ในเมื่อไม่มีสังขารให้ยึดแล้วก็ยึดแต่ความทรงจำ พอยึดความทรงจำนานๆก็กลายเป็นผี เป็นสัมภเวสี ถ้าไม่อยากเป็นสัมภเวสีก็ต้องปล่อยไป นี่เป็นสิ่งที่ตัวละครตัวนี้ต้องเรียนรู้แล้วก็หาทางปลดปล่อยตัวเองไปให้ได้ แต่ปลดปล่อยไม่ได้เพราะว่าแฟนก็ยังอยากเจอแต่ทำยังไงก็ไม่เจอแล้วมันเป็นเพราะอะไร นี่คือโฟกัสก็ต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของการถูกมองไม่เห็น ทำอะไรก็ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ รอคอยสิ่งต่างๆไปอย่างเลื่อนลอยไปวันๆ ดังนั้นน้องก็ต้องทำการบ้านพอสมควรเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้
ซึ่งตัวโฟกัสเองก็ยอมรับว่าตัวละครปลาที่ได้รับเปิดโอกาสให้เธอได้มีพื้นที่ทางการแสดงซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางอารมณ์และความรู้สึกไม่ว่าจะตอนมีชีวิตหรือเรื่องราวหลังความตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องทำงานร่วมกับปั้นจั่นในบทของคนรัก
“ตัวบทเองมีอะไรให้เล่นเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นของพี่ปั้นจั่นหรือของโฟกัสเองก็จะมีหลายมุมค่ะในเรื่องนี้ แบ๊ว ดราม่า รักโรแมนติก มีครบหมดเลยค่ะในเรื่องนี้ ได้เล่นหมดเลย ได้เจอผีด้วย ก็ดีค่ะถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ดี อย่างในเรื่อง พี่ปั้นจั่นจะรับบทเป็นน็อต ซึ่งเป็นแฟนกับปลา เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน การเป็นแฟนกันก็จะมีมุมหวานแหวว กุ๊กกิ๊ก งุ๊งงิ๊งกัน และก็ต้องมีทะเลาะกันด้วย ก็จะได้เห็นหลายมุมหน่อย ทำงานกับพี่ปั้นจั่นเราคุยกันค่ะ อย่างฉากหวานจะหวานยังไง หวานขนาดไหน คนดูจะเชื่อรึเปล่าว่าเราเป็นแฟนกัน เราก็จะปรึกษากันตลอด ในมุมทะเลาะพี่เขาก็จะเสนอไอเดียให้ตบจริง กัสก็เกรงใจเขา แต่เขาก็ยังยืนยัน ตอนแรกๆก็ไม่กล้าตบเพราะไม่เคยตบใคร เลยตบเบาๆ พี่ปั้นก็บอกแรงๆ เลย ไม่เจ็บหรอก ตัวเล็กๆแบบนี้จะแรงเยอะขนาดไหนเชียว กัสก็เลยตบจริงๆ คือฉากนั้นเงียบทั้งกอง เพราะกัสตบแรงมาก ขึ้นรอยแดงเลย พี่ปั้นบอกเจ็บยิ่งกว่าเข้าฉากเตะต่อยเวลาไปถ่ายละครแอ็คชั่นอีก กัสก็ว่าฟาด
ไม่หนักนะ (หัวเราะ) พี่ปั้นจั่นเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก อย่างซีนอารมณ์เขาก็จะเต็มที่ไม่ว่าจะกี่เทคและเต็มที่กับทุกๆเทคด้วย”
มาจนถึงอีก2บทบาทที่เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยสีสันและเชื่อมโยงเรื่องราวสำคัญและแง่ปมบางอย่างในการเห็นผีของทั้ง4ตัวละครนั่นคือ มดตะ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของน็อต เป็นคนเดียวที่นอกจากจะไม่คัดค้านในการพยายามทำทุกอย่างเพื่อเห็นผีของน็อต แต่กลับพร้อมดำดิ่งสู่โลกมืดไปด้วยกันซึ่งได้เมโกะ-ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย” คลื่นลูกใหม่มากฝีมือสาวหน้าเก๋จากหนังอินดี้เมื่อปีกลาย “Mary is happy,Mary is happy” และ “ตั้งวง” และ “แจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา” จาก “HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ” และ “เกรียนฟิคชั่น” ในบทบาทที่จะได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงไปอีกขั้นในบท “จอห์น” ที่ไม่เพียงโตกว่าวัยแต่ท้าทายสุดๆกับการสวมชีวิตอาสากู้ภัยที่ผ่านประสบการณ์เห็นผีมาอย่างโชกโชนที่มะเดี่ยวผู้กำกับยืนยันว่ามีเซอร์ไพรส์
“เมโกะเพิ่งได้สุพรรณหงส์ไปปีล่าสุด นักแสดงสมทบหญิงอันนี้สดใหม่เลย เห็นเสน่ห์น้องบนจอหนังแล้วสนใจ ก็ชวนน้องมาลองเล่นลองมาแคสท์กันแล้วเขาทำได้ดี อย่างเมโกะเล่นเป็นมดตะ มดตะเขาก็จะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนจะไม่มีอะไรเหมือนแบบเพื่อนลั้นลาไปวัน ๆ แต่จริง ๆ แล้วมีปมอะไรบางอย่างอยู่ มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตที่บอกใครไม่ได้คล้าย ๆ กับน็อตเพียงแต่ว่าพยายามจะบอกน็อตให้ ปล่อยมันไป แต่จริงๆมันไม่ง่ายขนาดนั้น ชีวิตของมดตะก็ต้องไปพัวพันกับความมืดดำของน็อตอีก อย่างแจ๊คนี่ก็เจอหน้ากันอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว เพราะเป็นนักแสดงที่เราปั้นมากับมือดังนั้นก็หายห่วง แล้วแจ๊คเองเล่นเป็นคนเห็นผี เล่นเป็นกู้ภัยเป็นเพื่อนของน็อตที่มองเห็นวิญญาณ รับรู้ว่าโลกของวิญญาณมันเป็นยังไง แต่ก่อนที่เขาเห็นเขาเจออะไรบางอย่างที่ทำให้เขามองเห็นแล้วสิ่งนั้นมันน่าสะพรึงกลัว เขาไม่อยากให้ใครไปยุ่ง
เกี่ยวกับตรงนั้น แต่เขาก็บอกใครไม่ได้ด้วยว่าเขาเป็นคนเห็นผี ซึ่งเป็นคาแรกเตอร์ที่ซับซ้อนพอสมควร แล้วพอเราทำงานกับนักแสดงรุ่นนี้ เราได้เห็นสปิริทของน้อง แล้วการถ่ายทำก็มืดและอันตรายนะ เพราะถ่ายหนังผีมันก็ต้องถ่ายกลางคืนเยอะ น้องก็ทำให้ได้หมดทุกอย่างจะออกมากรี๊ดกันดึก ๆ ดื่น ๆ จะเดินข้างถนน ต้องรอแสง ต้องทำอะไรหลายๆอย่างที่มันเหนื่อยแต่ว่าเขาก็เต็มที่ทุกคนทั้งนักแสดง ทั้งทีมงานได้ใจมากยิ่งเรื่องเคมีหรือการเข้าขากันทางด้านการแสดง เนื่องจากในเรื่องนี้พอเราพูดถึงความรัก เราให้เห็นทุกด้านของมัน โอเคชีวิตของคนพวกนี้ก่อนที่ความตายจะพลัดพราก ความรักมันมีหลายมุมของคนเป็นแฟนกัน บทจะรักกันบทจะหวานมันก็หวานกันเต็มที่บทจะโกรธกัน บทจะเกลียดก็ตบหน้ากัน ด่าทอกันมันก็มาเต็มที่เหมือนกัน เพราะว่าเราเล่าเรื่องของความรักวัยรุ่นหนุ่มสาว ไดนามิกของมันจึงขึ้นสุดลงสุด ไอ้ความขึ้นสุดลงสุดนี่มันทำให้เมื่อตายจากกันไปแล้วความเสียใจมันถึงสุดไง มันยอมทำอะไรสุดเพื่อให้ได้กลับคืนมา แล้วน้องก็เต็มที่กันมากแบบว่ากลายเป็นผู้กำกับซาดิสต์ ให้นักแสดงตบก็ตบกันแรงเลยให้ปั้นจั่นผลักโฟกัสก็ล้มโครมไปกับพื้น แบบโหดมากทุกคนเล่นกันเต็ม ด่ากันก็ด่ากันลั่นสนั่นถนนทั้งในส่วนของโฟกัสกับปั้นจั่น หรือในฉากที่ยากๆของปั้นจั่นกับเมโกะในฉากที่ต้องปะทะกันทางอารมณ์ การทำงานในฉากนั้นมันยากนะ เพราะสิ่งที่ตัวละครเมโกะเล่นมันหนักหนามาก มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเจอกันง่ายๆ หรอก ก็ต้องทำความเข้าใจกับน้องนาน น้องก็ไปจัดการอารมณ์ตัวเองจนได้ เราก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันเพราะมันไม่ได้เล่นง่ายนะอารมณ์อย่างนี้ แล้วก็การรับการส่งของเมโกะกับปั้นมันมาเต็มมาก พอมันมาเต็มแล้วเราเห็นการแสดงที่เต็มที่ของเด็กรุ่นนี้แล้วก็เซอร์ไพรส์ คิดว่าเมโกะยังไปได้อีก ยังมีหนทางไปได้อีกมากกว่าจะหยุดอยู่แค่นี้อยากให้น้องมีหนังเล่นอีกเยอะๆ”
ในขณะที่ตัวเมโกะเองนอกจากเป็นการแสดงหนังผีเรื่องแรกในชีวิตแล้วครั้งนี้ยังถือได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้สลัดภาพสาวอินดี้ที่คุ้นตามาถ่ายทอดบทบาทที่เต็มไปด้ วยการแสดงทางด้านอารมณ์สุดเข้มข้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือตัวละครที่มีเงื่อนปมในการเห็นผีที่ซับซ้อนที่สุด
“ตั้งแต่เห็นบทครั้งแรกตื่นเต้นค่ะ ไม่เคยเล่นหนังผี ไม่เคยเจอผี ไม่เคยรู้ว่าผีเป็นยังไง ต้องกลัวผียังไง คือเมว่าการเล่นหนังผีเป็นอะไรที่ท้าทายมากเลยนะ เราไม่เคยสัมผัสว่าผีเขาเป็นยังไงแต่เราต้องแสดงความรู้สึก สิ่งที่เรามโนขึ้นมาว่ามันเป็นรูปร่างยังไง มันยากเลยละ มันไม่ใช่แค่คำว่าท้าทายหรอก จริงๆ มันทั้งท้าทาย ทั้งน่าสนใจค่ะ แต่ว่ามันก็ยากนะ เมดูหนังผีเยอะมาก จริงๆ เป็นคนชอบดูหนังผีอยู่แล้ว ก็พยายามสังเกตตัวละครที่เขาเล่นหนังผีว่าเขากลัวยังไง เวลาเจอเขาแสดงออกยังไง คือหนังเรื่องนี้เป็นการรวบรวมความรู้สึกของตัวละครต่างๆ เข้ามา ทำให้มันเกิดเรื่องราวขึ้น คือตัวละครแต่ละตัวจะมีอารมณ์ มี
เป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แล้วมันทำให้เกิดเป็นเรื่องราวซึ่งมีทั้งแอคชั่น เฮอร์เรอร์ และก็โรแมนติก ผสมผสานกันจนเป็นเรื่องเป็นราว เป็นหนังเรื่อง The Eyes Diary ซึ่งน่าสนใจมากค่ะ”
มาจนถึง แจ๊ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณาเป็นนักแสดงคนเดียวที่ผ่านการทำงานร่วมกับผู้กำกับมะเดี่ยวมาแล้วถึง2ครั้ง และใน “The Eyes Diary คนเห็นผี” จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หนุ่มแจ๊คไม่มีวันลืมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องสวมชุดเครื่องแบบและนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถขนศพของมูลนิธิอาสากู้ภัย และเข้าฉากกู้ศพรถชนที่เป็นฉากเปิดเรื่อง
“ตอนที่ผมใส่ชุดหมีหรือชุดกู้ภัย วันฟิตติ้งผมยังรู้สึกธรรมดาๆ แต่พอได้มาเข้าฉาก ได้มาร่วมกับพี่มูลนิธิจริงๆ ขึ้นมา ผมรู้สึกว่าชุดมันขลังมาก แล้วยิ่งได้สัมผัสบนรถเขาด้วย คือผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะ เวลาผมหายใจเข้าไปผมรู้สึกว่ามันมีเรื่องราวมากมาย มันทำให้ผมอึดอัด คือมันมีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมแบบนี้ แล้วผมเชื่อว่าชุดนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดาๆ มันต้องมีเรื่องราวผ่านมาแน่ๆ ที่จำได้ติดตาคือเป็นซีนแรกๆ ของเรื่องเลย เราก็จะเป็นมูลนิธิจิตอาสาที่มาเก็บศพ แล้วศพนี้เป็นศพที่เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ถูกรถบรรทุกชนแล้วโดนลากไปกับพื้น ซึ่งมันก็มีไส้ มีเครื่องใน มีเลือด ซึ่งถ้าถามว่าเห็นในฉากแล้วรู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าเหตุการณ์จริงๆก็น่าจะใกล้เคียงแบบนี้ แล้วพอไปถามพี่ที่เป็นกู้ภัยเขาก็บอกว่าเหมือนมาก มันเหมือนจริงขนาดที่ชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาจอดรถแล้วลงมาดู เพราะเขาคิดว่ามีอุบัติเหตุ มีคนตายจริงๆ”
และแน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ของ “The Eyes Diary คนเห็นผี” น่าจะเป็นอีกหนึ่งของประสบการณ์ในการดูหนังที่แตกต่างและสร้างความประทับใจเหมือนกับผลงานภาพยนตร์ก่อนหน้าทั้ง7เรื่องของผู้กำกับอย่างมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่จะไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังอย่างแน่นอน
“หลังจากห่างหายไปจากการเขียนบทและกำกับหนังในแนวแอ็คชั่นระทึกขวัญสยองขวัญหรือหนังผีๆ เกือบ 10 ปี ก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาจับแนวนี้อีกครั้งตั้งแต่ คนผีปีศาจ, 13เกมสยองโน่นเลย มาคราวนี้ก็ตั้งใจให้เป็นหนังแนวสยองขวัญเลยครับ สิ่งที่เราใส่ลงไปคือความสนุก ลุ้นทุก ๆ นาทีเลย มันเป็นเรื่องที่มีครบทุกรสชาติในนั้น แก่นจริงๆ ของเรื่องคือเรื่องราวของความรักที่มันมีความตายมาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันเป็นอุปสรรคที่ทำให้ตัวละครทั้ง 4 คนต้องฝ่าฟันอะไรบางอย่าง ด้านสถานที่ก็ไปถ่ายทำที่เชียงใหม่ทั้งเรื่องเลย มีบางส่วนที่ถ่ายกรุงเทพฯ แต่ไม่ได้เยอะมาก นักแสดงทั้ง 4 คนที่เราวางตัวนี้ก็เพราะว่าหนังเป็นแนววัยรุ่น และด้วยรางวัลที่การันตีของพวกเขา ถือได้ว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือระดับต้นๆ ตอนนี้ ซึ่งเราก็คาดหวังอยากให้ทุกคนสนุกไปกับมัน ผู้ชมได้ดูกันช่วงฮาโลวีนแน่นอน”
อ้างว้าง โดดเดี่ยว บาดลึก โหยหวน
ด้วยบทเพลงรักหม่นเศร้าแห่งความ “คิดถึง”
จากพลังเสียงร้องกระชากใจของ “พละ ธนพล”
และเมโลดี้หวานหลอนสุดโรแมนติค
ดนตรีประกอบเองก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีส่วนสำคัญในการถ่ายทอด และสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวของตัวละครที่ยังคงยึดติดผูกผัน และนึกถึงคนรักที่ตายจากไปตลอดเวลาจนสุดท้ายตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้เห็นผีคนรักอีกครั้ง ซึ่งมี “คิดถึง” บทเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดผ่านเสียงร้องของ พละ “ธนพล มหัทธนาดุลย์” ซึ่งมีการนำเอาเพลงบัลลาร์ดร็อคอันดับ1แห่งยุค’90ของ หรั่ง-ชัชชัย สุขขาวดี มาบันทึกเสียง และเรียบเรียงใหม่โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การนำเอาเครื่องสายอย่างไวโอลิน,วิโอล่า และเชลโล่มาช่วยสร้างความหม่นเศร้าเหงาของบทเพลงให้ทวีคูณมากขึ้นจากตัวโน้ตและเมโลดี้ดั้งเดิมที่หวานไพเราะอยู่แล้ว เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของภาพยนตร์มากที่สุด ภายใต้การโปรดิวซ์โดย ชัช ชัชวาล วิศวบำรุงชัย มิวสิคไดเรคเตอร์ของThe Voice Thailand และเพื่อให้เป็นเพลงรักที่พิเศษสุดๆ งานนี้ได้มือ1อย่าง สามิตร ดิษสุงเนิน และสุธี แสงเสรีชนมารับหน้าที่ในการ Mix&Mastering ให้โดยเฉพาะพร้อมกับเหล่านักดนตรีฝีมือขั้นเทพระดับแถวหน้าของเมืองไทยและของโลกมาร่วมบันทึกเสียงในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น เควิน บิดเดิล มือกลองที่เคยอัดเสียงให้กับศิลปินระดับโลกอย่าง Ashanti / Backstreet Boys / BoyzIIMen มาแล้ว รวมไปถึงมือเบสอย่าง ตี้-กรกฏ ศรีธวัชชัย โคโปรดิวเซอร์ที่เคยฝากผลงานอัลบั้มBlue ของแดน วรเวชรวมทั้งอยู่เบื้องหลังเสียงเบสให้กับศิลปินหลายๆคนของlove is รวมทั้งงานของบอย โกสิยพงษ์ เปียโนและเครื่องสายSTRING ORCHESTRATE โดย ซัน รัตนะ วงศ์สรรเสริญ นักเปียโนแจ๊ส รุ่นใหม่มือวางอันดับต้นๆ ของบ้านเรา
“เมื่อพูดถึงเสน่ห์ของเพลงคิดถึงนะครับเป็นเพลงร็อคบัลลาร์ดที่ไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ในยุค90จนกระทั่งวันนี้ รุ่นผม รุ่นคุณพ่อ หรือรุ่นน้องๆ รู้จักกันหมดทุกคน เสน่ห์ที่ความชัดเจนของอารมณ์ อารมณ์ที่ถ่ายทอดจากคน ๆ หนึ่งที่มีการพร่ำพรรณนาว่าเขาอยากจะเจอผู้หญิงที่เขารักมากมายแค่ไหนสาหัสสากรรจ์แค่ไหน มันถูกอธิบายด้วยอารมณ์ของเพลงนี้ครับ แล้วพอมาเป็นเพลงคิดถึงเวอร์ชั่นประกอบภาพยนตร์ “The Eyes Diary คนเห็นผี” ก็จะไม่ทิ้งความแข็งแกร่งของออริจินัลในเรื่องของอารมณ์ และมีสไตล์ที่เรียกได้ว่าพอได้ฟังแล้วขนลุกนะครับ ในเวอร์ชั่นนี้จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมีการใช้เครื่องสาย มีการเรียบเรียงตัวเพลงใหม่ให้เข้ายุคเข้าสมัยมากขึ้น รวมๆแล้วก็น่าจะเป็นเพลงคิดถึงในเวอร์ชั่นที่มีความโหยหวน มีความหม่นในตัวเพลงแล้วก็ในเวลาเดียวกันก็จะรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ และเขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพียงเพื่อให้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้งหนึ่ง ถ้าเป็นคุณคุณจะทำได้เหมือนเขามั้ย หรือคุณจะทำได้แค่ไหน สำหรับเพลงนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้หลับตาฟัง ตั้งใจฟัง ค่อยๆฟังค่อยๆเสพไปแต่ละวินาที ค่อยๆเสพไปทีละตัวโน้ตเรื่อยๆ จนจบเพลง เพราะว่าผมและทุกๆคนที่ทำเพลงนี้ร่วมกันนะครับว่ามีความตั้งใจมากและทุ่มเทกับมันสุดๆ”
เมื่อทุกสถานที่ล้วนมีเรื่องเล่า โลเกชั่นทุกแห่งหนล้วนมีเรื่องราว
ข้าวของทุกชิ้นล้วนมีเจ้าของ.....ไม่ว่าจะ“เป็น” หรือ“ตาย”
การออกแบบงานสร้างเพื่อเติมเต็มความ“หลอนสยอง”ของ“The Eyes Diary”
ด้วยสภาวะการณ์หลอน สถานการณ์สยองที่ “น็อต”(ปั้นจั่น ปรมะ)พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เห็นปลา(โฟกัส จีระกุล)แฟนสาวที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ถึงขนาดไปเป็นจิตอาสากู้ภัย เก็บสะสมของคนตายมาไว้ที่บ้าน รวมไปถึงการตะลุยออกท้าผีในสถานที่ร้าง เฮี้ยน และหลอนที่สุด ทำให้งานนี้ โจ๊ก วุฒินันท์ ดุริยประณีตโปรดักชั่นดีไซน์เนอร์และทีมงานฝ่ายศิลป์ต้องเข้ามามีหน้าที่สำคัญในการออกแบบงานสร้าง และเติมเต็มความ “หลอนสยอง” ให้เกิดขึ้นในทุกๆฉากของภาพยนตร์เรื่องThe Eyes Diary คนเห็นผี นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดเรื่องไปจนถึงend credit กันชนิดที่เรียกได้ว่าจัดเต็มเลยทีเดียว
“พอช่วงที่เราต้องมานั่งเลือกของคนตายมันสนุกนะ เพราะเราต้องมาคิดว่าเวลาคนตายจะเหลืออะไรกันบ้างในชีวิตแล้วเราก็ค่อยๆดึงออกมาพี่มะเดี่ยวบอกว่าให้เลือกของที่มันบอกถึงการตาย ของที่มันเชื่อมโยง เวลาคิดก็จะคิดว่าถ้าเราเก็บแว่นแตกก็หมายความว่าคนเขาอาจจะโดนรถชนหรือตกตึก โดยต้องทำความเข้าใจก่อนว่าจุดมุ่งหมายของตัวละครเขาพยายามตั้งใจจะเก็บของพวกนี้จริงๆ อย่างในหนังเรื่องนี้จะเห็นว่าพระเอกพยายามจะหยิบทุกอย่างจากศพ เพราะในเรื่องพระเอกมันเหมือนหน้ามืดไปแล้วไม่สนใจอะไรแล้วจะทำอะไรก็ได้ ยอมเพื่อที่จะทำให้ตัวเองบรรลุสิ่งที่ตั้งใจ”
ดังที่จะเห็นในฉากเปิดเรื่องที่ตัวละคร น็อต และ จอห์น(รับบทโดยแจ๊ค-กิตติศักดิ์) เพื่อนที่ร่วมเป็นจิตอาสากู้ภัยออกช่วยกันตามเก็บศพผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนบนถนนที่จะห็นบรรดาชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กๆอย่างตับไตไส้ ร่างกายของศพที่เสียชีวิตกระจัดกระจายทั่วถนนไปจนถึงรถสิบล้อและรถกู้ภัย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่คือองค์ประกอบสำคัญที่ทีมออกแบบงานสร้างต้องเข้ามาทำหน้าที่เติมเต็มให้บรรยากาศของแต่ละฉากออกมาอย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นบ้านทุกหลัง ที่อยู่ของทุกตัวละคร ทั้งบ้านที่กำลังจะตายของน็อตและปลา , หอพักในมหาวิทยาลัยของมดตะและเพื่อนๆ หรือโรงพยาบาลร้าง ฯลฯ ซึ่งบางโลเกชั่นทางทีมงานต้องตระเวนหากันถึง30-40หลังกว่าจะได้ตรงตามความต้องการ และแน่นอนว่าในทุกๆครั้งที่ออกหาโลเกชั่น ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลากลางคืนเพื่อซึมซับบรรยากาศความหลอนให้ออกมาใกล้เคียงกับเรื่องราวในภาพยนตร์มากที่สุด ยังไม่รวมถึงบรรดาข้าวของประจำตัว เครื่องใช้ไม้สอยหรือพร็อพอุปกรณ์ประกอบฉากที่ปรากฎอยู่ในทุกซอกหลืบมุมในทุกโลเกชั่นที่ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับทุกตัวละคร และเรื่องราวในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย , รถเวสป้า , มีมี้ตุ๊กตาของขวัญที่น็อตซื้อให้ปลาไปจนถึงตุ๊กตาของมดตะ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งข้าวของทุกชิ้นของคนตาย อาทิ หมวกกันน็อค ,มีดโกน,ริสท์แบนด์,เชือก ฯลฯ ตามความตั้งใจของผู้กำกับอย่างมะเดี่ยวที่ต้องการให้ข้าวของทุกชิ้นสะท้อนถึงบุคลิกคาแรคเตอร์ของตัวละครแต่ละตัว และในทุกๆสถานที่ในภาพยนตร์ล้วนต่างมีเรื่องราวและรายละเอียดที่มาที่ไปที่สัมพันธ์กับแต่ละตัวละคร
ดำดิ่งสู่ก้นบึ้งแห่ง “ความหลอน” ชวนขนลุกของการ “เห็นผี”
ผ่านสายตาผี และการดีไซน์ผี รวบรวมทุกไอเดีย
จากทุกองค์ประกอบงานสร้างของภาพยนตร์
สู่ทุกจังหวะสยองโรแมนติคชนิดหายใจรดต้นคอกับ
“The Eyes Diary คนเห็นผี”
ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่แม่นและเชี่ยวชาญในการวางจังหวะ หลอน ระทึก รุกเร้าความรู้สึกคนดูได้อย่างมีชั้นเชิง และพร้อมที่จะกระชากอารมณ์คนดูให้นั่งไม่ติดเบาะอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับการยอมรับถึงลายเซ็นต์เฉพาะตัวในการถ่ายทอดมุมมองทางด้านความรักได้อย่างลึกซึ้งโรแมนติคไม่ว่าจะเป็นความรักของหนุ่มสาว วัยรุ่น เพื่อน ไปจนถึงครอบครัวจากผลงานภาพยนตร์ทุกเรื่องในตลอดทศวรรษที่ผ่านมาอาทิ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ และเกรียนฟิคชั่น แถมยังเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่อัพเดทไอเดียรวมไปถึงเทคนิควิธีการตลอดจนเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆเพื่อนำมาต่อยอดในการปรับใช้กับภาพยนตร์ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ แน่นอนว่าการกลับมากำกับหนังผีโรแมนติค-เฮอร์เรอร์อย่าง “The Eyes Diary คนเห็นผี” ในครั้งนี้ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุลพร้อมจัดเต็มในการรวบรวมไอเดีย สร้างสรรค์ทุกองค์ประกอบงานสร้างของภาพยนตร์ สู่ทุกจังหวะสยองโรแมนติคชนิดหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแปลกใหม่ในแง่การถ่ายทอดและนำเสนอมุมภาพในการเล่าเรื่องชีวิตหลังความตายผ่านสายตาและมุมมองของผี การเคลื่อนไหวล่องลอย ไปจนถึงจังหวะการรุกเร้า จู่โจมของตัวผีชนิดช็อตต่อช็อตโดยมีการนำเอาMulimotor (กล้องถ่ายภาพยนตร์ติดกับอุปกรณ์พิเศษคล้ายเครื่องบังคับวิทยุเพื่อให้ได้มุมภาพถ่ายทางอากาศ DRONE SHOT) มาสร้างความแปลกใหม่ในการดีไซน์มุมภาพผสมผสานกับการใช้STEADY CAM.กล้องถ่ายทำภาพยนตร์ติดกับตัวผู้กำกับภาพแทนสายตาของตัวละครเพื่อเติมเต็มอารมณ์ความหลอนสยองในปรากฎการณ์เห็นผีเบิกกว้างกว่าที่เคย
“หนังผีที่สำคัญเลยคือมันอยู่ที่บรรยากาศ เราไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆแล้วเรากลัวกัน เราต้องไปอยู่ในที่บางที่ที่เรากลัว ก่อนที่จะกลัวเราต้องรู้ก่อนว่าเรากลัวอะไร บรรยากาศที่เรากลัว ความมืดที่เรากลัว เสียงที่เราได้ยินแต่เรามองไม่เห็น เรากลัวอันตรายที่เกิดขึ้นกับเรา ความที่เราไม่รู้ ที่มันก่อก แก่ก ๆ นั่นมันเป็นผีหรือคนหรืออะไร เราต้องรู้ก่อนว่าเราต้องกลัวอะไร เราถึงจะสร้างบรรยากาศตรงนั้นให้คนดูรู้สึกไปกับเราได้ อันนี้สำคัญ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่หมดเลย เทคนิคของมุมกล้องเรามีหลายอันที่มันเป็นมุมกล้องที่แทนตาผี มันล่องลอยมันวน ๆ เวียน ๆ มันไม่ได้อยู่นิ่ง บทมันอยู่นิ่งในฐานะที่เราจะรับรู้เรื่องกล้องก็จะนิ่งเลย พอบทอยู่ในบ้านที่มันมีความทรงจำมีวิญญาณอะไรอยู่ในระหว่างสายตาของวิญญาณกล้องมันก็ต้องล่องลอยลอยไปลอยมามันไม่อยู่นิ่งกับที่ หรือแม้แต่ในลักษณะของอุปกรณ์กล้องอย่างพวก สเตดี้แคม(กล้องที่มีอุปกรณ์ยึดติดตัวกับผู้กำกับภาพเวลาถ่ายก็จะให้ผู้กำกับภาพเดินเข้าไปแทนตัวละครเหมือนเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดกับตัวละคร) เครนเล็กอะไรพวกนี้จะถูกนำมาใช้เยอะมากเวลาอยู่ในบ้านหรืออยู่บนท้องถนนที่มีคนตาย มันเป็นภาษาของภาพที่สื่อสารถึงวิญญาณ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลท์สำคัญในการคิด ออกแบบและสร้างสรรค์ “ผี” ของภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary คนเห็นผี” ที่ได้ คิว กิตติชนม์ กุลรัตน์ชล จากคิวเอฟเฟ็คต์เวิร์คช็อพ (Special Effect make up)ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการสร้างสรรค์งานเมคอัพเอฟเฟ็คต์ในโลกภาพยนตร์มือ1ของไทยที่ความสามารถโดดเด่นในระดับโลกอยู่เบื้องหลังความยับเยินปางตายของไรอัน กอสลิงใน Only God Forgives ,แปลงโฉมหน้าของ โจวเหวินฟะให้กลายเป็นขงจื้อตอนแก่ใน Confucius ,ดอนนี่ เยน ใน ICEMAN3D สร้างตัวอากงใน ฮูอากง ,Hang over , WUXIAเดชไอ้ด้วนเวอร์ชั่นดอนนี่ เยน-ปีเตอร์ ชาน ฯลฯ มารับหน้าที่สำคัญในการสร้างสรรค์และออกแบบผีทุกตัวที่จะปรากฎขึ้นในภาพยนตร์จากไอเดียของมะเดี่ยวซึ่งมีตั้งแต่ 1-2ตัวไปจนถึงกว่า20ตัวในฉากเดียว ภายใต้คอนเซ็ปท์ที่ว่า ตายอย่างไรมาอย่างนั้น แม้แต่ผีแต่ละตัวล้วนมีที่มาที่ไป นอกจากความหลอนสยองของตัวผีที่เกิดขึ้นจากการดีไซน์ที่แปลกตาแล้ว เราจะได้เห็นมิติด้านลึกในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครผีที่จะทำให้จังหวะหลอนสยองของการเห็นผีครั้งนี้ขนแขนStand Upกันชนิดที่ว่า พร้อมจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียวเพราะการเห็นครั้งนี้ผู้กำกับมะเดี่ยวยืนยันว่าขนกันมาแบบจัดเต็ม
“ส่วนใหญ่การดีไซน์ผีในหนังเรื่องนี้คือตายยังไงก็มาอย่างนั้น บางคนที่ตายแล้วยังอยู่ในความทรงจำดี ๆ ยังรับรู้ความทรงจำตัวเองว่าเป็นคน มันก็ยังจะเป็นคนอยู่ แต่ถ้าเกิดว่าความทรงจำอื่น ๆ มันหายไปหมดแล้วมันก็เหมือนร่างกายเราที่มันสูญเสียอะไรก็มีการผุพังมีการเน่าเฟะไปตามสภาพแล้วก็จะกลายเป็นผีที่น่ากลัวก็คือผีที่ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่แล้ว สังขารกับสัญญามันผูกอยู่ด้วยกันในเมื่อไม่มีความทรงจำร่างกายก็จะผุพังไปด้วยแล้วผีที่เราออกแบบส่วนใหญ่ก็จะเป็นผีที่ตายในลักษณะหลายๆแบบ ทั้งอุบัติเหตุ ทั้งตายเน่าเฟะ โดนไฟไหม้ อะไรพวกนี้คือมาในลักษณะที่สยดสยอง ก็ต้องเน้นในเรื่องเอฟเฟกต์คือต้องทำอย่างละเอียดเพราะว่าเราเห็นเต็มๆเราไม่กั๊กมาเป็นสิบเลย”