กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
การดำเนินงานสหกรณ์ในประเทศไทย ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่พุทธศักราช 2459 ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 98 ปีแล้ว ที่สหกรณ์ได้รับการส่งเสริมจนเกิดการพัฒนา ให้มีความเจริญก้าวหน้า ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชดำริเพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรว่า ให้ใช้หลักการของสหกรณ์มาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยระบบสหกรณ์เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาอาชีพและทำให้เกษตรกรมีพลังที่เข้มแข็ง เพราะได้มีการรวมกลุ่มพึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคสมัยได้เล็งเห็นความสำคัญในการใช้การสหกรณ์มาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของประเทศ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ได้มีการประกาศให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเห็นว่าบทบาทของสหกรณ์เป็นองค์กรที่สำคัญ ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการแก้ปัญหาความยากจนและการพัฒนาชนบท ให้ชาวบ้านได้มีความกินดีอยู่ดี จึงเห็นควรที่จะเผยแพร่ขยายวิธีการสหกรณ์ให้ขยายวงกว้างในหมู่ประชาชนทั่วไป ให้มีความเข้าใจและสามารถนำวิธีการสหกรณ์ไปปรับใช้เป็นวิถีชีวิต ปัจจุบันการสหกรณ์มีบทบาททางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งในภาคการผลิต การบริโภค การค้า และการบริการด้านต่าง ๆ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยพัฒนาด้านสังคมศึกษาและวัฒนธรรมอีกด้วย ฉะนั้นความเจริญก้าวหน้าของกิจการสหกรณ์ ก็ย่อมที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้อันสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นว่า สหกรณ์เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมติ ครม. ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงานตามข้อเสนอวาระแห่งชาติด้านสหกรณ์ 5 ยุทธศาสตร์หลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินงานตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์วาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์เข้าสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับความคืบหน้าวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์นั้น นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์วาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ไปสู่การปฏิบัติทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสื่อสารสร้างความเข้าใจและเป็นการชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ ในฐานะเลขาของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนระดับจังหวัด ซึ่งจะต้องสามารถสื่อสารและสร้างความเข้าใจให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องในเรื่องกระบวนการและวิธีการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนงานสหกรณ์ไปสู่หน่วยงานและองค์กรระดับในพื้นที่และชุมชนต่าง ๆ และต้องมีการบูรณาการงานกับหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์วาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ในจังหวัด เกิดผลเป็นรูปธรรมและสามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
และเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติได้มีส่วนร่วมในการระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติในระดับจังหวัด อีกทั้งยังเป็นการทบทวนการปฏิบัติงานจากผู้ปฏิบัติในระดับจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในระดับต่างๆ ผ่านกลไกการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จังหวัดส่วนใหญ่สามารถดำเนินการตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งแล้ว และจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศ และระดับจังหวัด ซึ่งในการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานได้ร่วมกันคิด Project idea เพื่อหากิจกรรมที่จะใช้ขับเคลื่อนแต่ละยุทธศาสตร์ หากโครงการใดเป็นประโยชน์เหมาะสมกับการดำเนินงานทั่วประเทศ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะจัดทำเป็นโครงการในภาพรวมและให้การปฏิบัติเป็นไปในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด และยังเปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดจัดทำ Project idea เฉพาะจังหวัดของตนเอง โดยให้พิจารณาตามบริบทของจังหวัดนั้นๆ ว่าการขับเคลื่อนแต่ละยุทธศาสตร์ในเรื่องใดบ้างและโดยวิธีการใด แล้วจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการจังหวัด แล้วเสนอเข้าสู่การพิจารณาของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อการสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อการดำเนินการต่อไป และเพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่ได้ให้ความสำคัญของการนำวิธีการสหกรณ์ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรและนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2559 ขบวนการสหกรณ์ไทยได้ดำเนินการมาครบ 100 ปี ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงกำหนดให้ การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ เป็นหนึ่งกิจกรรมที่จะร่วมเฉลิมฉลองครบ 100 ปีของขบวนการสหกรณ์ไทยด้วย โดยกำหนดเป้าหมายไว้ 3 ปี ภายใต้ 3 เป้าหมาย 8 ตัวชี้วัด โดยการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์จะต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในการปฎิบัติ ประชาชนจำนวนครึ่งหนึ่งของประเทศจะต้องรับรู้และมีความเข้าใจว่าระบบสหกรณ์นั้นมีประโยชน์ สามารถแก้ไขปัญหาคามเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกระดับชั้นทุกอาชีพได้อย่างเป็นรูปธรรม และวิธีการสหกรณ์จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น