กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ เดินเครื่องมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2557/58 เน้นการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมให้มีการผลิตข้าวที่มีคุณภาพ พร้อมอุดหนุนสินเชื่อเพิ่มรวบรวมข้าวและเพิ่มมูลค่าผ่านทางสถาบันเกษตรกร
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2557/58 ณ โรงแรมรามากาเด้นส์ ว่า จากนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตลอดระยะเวลา 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา มีนโยบายต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือดูแลเกษตรกรรายย่อยและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตโดยขอความร่วมมือจากภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชน ลดราคาปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก ในปีการผลิต 2557/58 เช่น ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ ค่ารถเกี่ยวข้าว และค่าเช่าที่นา รวมทั้ง ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ปลอดภัย ตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยเปิดตัวโครงการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการสนับสนุนเงินทุนให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้องค์กรของเกษตรกรเหล่านี้ได้ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตและแปรรูป ดำเนินธุรกิจข้าวครบวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มาตรการสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน รวม 2 โครงการ คือ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร เป็นโครงการร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมสหกรณ์และ ธ.ก.ส. ซึ่งจะให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรกู้ยืมเพื่อรวบรวมข้าว วงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะเป็นหน่วยงานดำเนินการ ปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ รวม 563 แห่ง ในพื้นที่ 60 จังหวัด รวบรวมข้าวเปลือกเพื่อขาย 556 แห่ง เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก รวบรวมข้าวเปลือกเพื่อเก็บไว้แปรรูป 103 แห่ง เป้าหมาย 4 แสนตันข้าวเปลือก (180,000 ตันข้าวสาร) ซึ่งมีแผนขอกู้จาก ธ.ก.ส. รวม 18,326 ล้านบาท สถาบันเกษตรกรจ่ายอัตราดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. อัตราร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. อัตราร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลา 12 เดือน เริ่มโครงการ 1 ตุลาคม 2557 – 30 กันยายน 2558 เป็นการเสริมสภาพคล่องทุนหมุนเวียนแก่ระบบสหกรณ์ สร้างกลไกตลาดข้าวในท้องถิ่น เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น และ โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2557/58 จะลดดอกเบี้ยให้กับสมาชิกกู้ยืมไปเพาะปลูก ร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรเช่นกัน
นายชวลิต กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. บูรณาการทำงานร่วมกัน ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมที่จะโอนเงินกู้ให้สหกรณ์เพื่อนำไปรับซื้อข้าวเปลือก สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรก็มีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจข้าวได้ทันที ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและระดับจังหวัด และการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกรในอัตราไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 15 ไร่นั้น มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว จำนวน 2.8 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 88 ซึ่งจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมนี้ และหากเกษตรกรมีเอกสารครบถ้วนก็จะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ภายใน 3 วัน นับเป็นความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สหกรณ์ภาคเกษตรและกลุ่มเกษตรกรในโครงการฯทั้ง 563 แห่ง หน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ทุกหน่วยงานที่บูรณาการร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย และจะช่วยกันผลักดันขบวนการสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง เป็นองค์กรสำคัญในการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรของประเทศต่อไป