กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- ตั้งเป้าเดินหน้าสร้างความสำเร็จในเออีซี ด้วยการ ‘ให้มากกว่า’ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่ทำให้เบคโก้กลายเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ และขายดีเป็นอันดับ 2 ทั่วยุโรป
- อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะปั้นประเทศไทยเป็นฐานการผลิตตู้เย็น เครื่องซักผ้า และแอร์สำหรับเออีซี
- วางจำหน่ายผ่านร้านค้าชั้นนำ 30 แห่งในประเทศไทย ปี 2557 อาทิ เพาเวอร์บาย เพาเวอร์มอลล์ โฮมโปร พร้อมตั้งเป้าขยายเป็น 100 แห่ง ภายในปี 2558
วันนี้ เบคโก้ (Beko) หนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก ประกาศเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดเกมรุกเดินหน้าความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ยอดนิยมในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี และต่อยอดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วในทวีปยุโรป ให้เกิดขึ้นอีกครั้งในเออีซี ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล้ำสมัย ทั้งเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องล้างจาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าชุดครัว ซึ่งเบคโก้เป็น แบรนด์ที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในทวีปยุโรป
มร. เลแวนต์ ชาคึโอลู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก เอเอส ทั่วโลก เจ้าของ แบรนด์เบคโก้กล่าวว่า “เบคโก้เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายุคใหม่ระดับโลก ที่กำลังรุกคืบกวาดตลาดทั่วโลก ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำได้มากกว่า ดีกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”
“การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ชนะใจผู้บริโภค ทำให้เบคโก้เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ขายดีที่สุดในประเทศอังกฤษ และขายดีเป็นอันดับ 2 ทั่วยุโรป รวมประเทศเยอรมัน อิตาลี และฝรั่งเศส” มร.เลแวนต์ กล่าว
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า “เพื่อเสริมศักยภาพและเข้าถึงผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ เรากำลังศึกษาอย่างจริงจังถึงความเป็นไปได้ที่จะตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งถ้าตัดสินใจเดินหน้า โรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตสำหรับประเทศในเออีซี โดยจะผลิตตู้เย็น เครื่องซักผ้า และแอร์ และถ้าเกิดขึ้นจริงประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตสำหรับประเทศในเออีซี ซึ่งเราคาดหวังจะทำตลาดให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ความสำเร็จของเราในทวีปยุโรปซึ่งถือเป็นตลาดที่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีการแข่งขันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า “ทุกวันนี้ ผู้บริโภคในเอเชียมีความพิถีพิถันไม่แพ้ผู้บริโภคในยุโรป เครื่องใช้ไฟฟ้านวัตกรรมล้ำสมัยและตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เป็นปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ เบคโก้เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรป ทั้งที่เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์ระดับโลกที่อยู่มานาน เราจึงมั่นใจว่าผู้บริโภคชาวไทยซึ่งมีความพิถีพิถันในเรื่องคุณภาพจะให้การตอบรับกับผลิตภัณฑ์ที่ทำได้มากกว่า ดีกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของเบคโก้”
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า มีผู้ใช้สินค้าแบรนด์เบคโก้อยู่มากกว่า 440 ล้านคน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และคาดว่าตลาดเมืองไทยและเออีซีจะทำให้มีผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้เพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านคน และภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขาย 16,000 ล้านบาทในตลาดเออีซี ซึ่งรวมถึงประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
เบคโก้คือแบรนด์ที่เป็นตำนานของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่เป็นปรากฏการณ์ในทวีปยุโรป ว่าเป็นแบรนด์ที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ชื่อดังที่สุดระดับโลกได้ โดยในระยะเวลาเพียง 5 ปี เบคโก้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึงสองเท่าในยุโรป และเพิ่มยอดขายอีกเท่าตัวทั่วโลก ซึ่งความนิยมดังกล่าวเกิดจากการผสานผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่เชื่อถือได้ในราคาที่สมเหตุสมผล กับความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรวมเอาฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นประโยชน์และเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยเข้าไปในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานของเบคโก้ที่มีดีไซน์บางและประหยัดพื้นที่ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งใช้งานในคอนโดมิเนียมสมัยใหม่ หรือฟังก์ชั่นในเครื่องซักผ้าที่เรียกว่า “Cool Hygiene 20C”ที่ลดการใช้พลังงานลงถึง 70% สำหรับการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เปื้อนไม่มากหรือผ่านการสวมใส่เพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่พบบ่อยในประเทศไทย รวมถึงโปรแกรมซูเปอร์ฟาสต์ในเครื่องซักผ้าที่สามารถซักผ้าน้ำหนัก 2 กิโลกรัม ได้สะอาดหมดจดภายในเวลาเพียง 14 นาที ตอบสนองผู้ที่มีเวลาน้อย ที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า “เรามีบุคลากรฝ่ายวิจัยและพัฒนาอยู่ถึง 1,000 คน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือสิทธิบัตรจำนวนมากที่สุดของโลก ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของเราทำให้เราสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์อันทันสมัย และสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของโลกในด้านต่างๆ มากมาย เช่น เครื่องซักผ้าที่เงียบที่สุดในโลก และตู้เย็นเครื่องแรกของโลกที่มีฟังก์ชั่นทำไอศครีมในเครื่อง”
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า ด้วยศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา เบคโก้ได้ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ “เราได้ศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในประเทศกลุ่มเออีซี รวมทั้งในประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว และได้ใส่นวัตกรรมและฟังก์ชั่นการทำงานหลายอย่างที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่นี้เป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น การเก็บอาหารในตู้เย็น ทีมวิจัยของเราได้ทำการศึกษาและพบว่า อาหารเอเชียเป็นอาหารที่มีกลิ่น และผู้บริโภคชาวเอเชียให้ความสำคัญกับการเก็บอาหารในตู้เย็น เราจึงนำเสนอเทคโนโลยีพิเศษที่จะช่วยกำจัดกลิ่นอาหารในตู้เย็น และไม่ทำให้กลิ่นตีกัน
“นอกจากนั้น เราพบว่าผู้บริโภคในเอเชียให้ความสำคัญกับความสดของผักเป็นอย่างมาก เราจึงนำเสนอเทคโนโลนีที่เรียกว่า “EverFresh+” ซึ่งจะช่วยเก็บผักได้ยาวนานถึง 30 วัน และคงความสดกรอบได้ยาวนานขึ้น และด้วยสภาพอากาศร้อนในภูมิภาค ตู้เย็นเบคโก้ยังมีฟังก์ชั่นทำน้ำแข็งอัตโนมัติในตู้เย็น ที่สามารถทำน้ำแข็งปริมาณมากๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น เบคโก้ยังพัฒนาฟังก์ชั่นทำน้ำแข็งอัตโนมัติในตู้เย็นของเบคโก้ ที่สามารถทำน้ำแข็งปริมาณมากๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น” มร. เลแวนต์กล่าว
มร. เลแวนต์ กล่าวเสริมว่า “ด้วยศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของเบคโก้ ทำให้เบคโก้เป็นแบรนด์ที่ได้รับการรับรองทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมหลายรายการ รวมทั้งการออกแบบและผลิตเครื่องซักผ้าที่ใช้พลังงานได้มีอย่างประสิทธิภาพที่สุดในโลก ที่ได้รับการรับรองระดับ A+++ (-70%) ที่เราเพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแสดงสินค้าภายในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เพิ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมัน
การผสานคุณลักษณะพิเศษและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำหน้าทางนวัตกรรมเข้ากับคุณภาพที่ยอดเยี่ยม และดีโซน์สวยงามทันสมัย ทำให้ผลิตภัณฑ์เบคโก้ได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย อาทิ รางวัลการออกแบบที่ทรงคุณค่าที่สุดของโลกอย่าง ‘Red Dot Award’ 11 รางวัลใน 2 ปี และเมื่อเดือนกรกฎาคม เครื่องล้างจานเบคโก้ได้รับรางวัล ‘Leading Design’ จากสถาบัน British Electrical Manufacturing and Retailing Awards ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยี สไตล์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประโยชน์
มร. เลแวนต์ กล่าวว่า ได้แต่งตั้งบริษัท ไตตันโค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งก่อตั้งมา 40 ปีและมีประสบการณ์อันยาวนาน และเชี่ยวชาญในเรื่องตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเบคโก้ในประเทศไทย โดยบริษัทไตตันโค อินเตอร์เนชั่นแนล มีพนักงานกว่า 220 คน รับผิดชอบดูแลเรื่องการจำหน่ายสินค้า รวมถึงการให้บริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาที่เบคโก้มอบให้กับผู้บริโภค
นายเทวัญ เลียวบุรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไตตันโค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ของเบคโก้เป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์เดียวที่มีการรับประกันระยะยาวถึง 12 ปี สำหรับมอเตอร์ และคอมเพรสเซอร์ ในทุกผลิตภัณฑ์ รวมตู้เย็น เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าชุดครัว รวมถึงหลายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องซักผ้า นอกจากนั้น ทีมช่างและวิศวกรภาคสนามผู้เชี่ยวชาญของบริษัท ตลอดจนศูนย์บริการและคอลเซ็นเตอร์ ยังเป็นหลักประกันว่าลูกค้าจะได้รับบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมอย่างแน่นอน”
เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้วางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าระดับพรีเมียมกว่า 30 แห่ง ได้แก่ เพาเวอร์บาย, เพาเวอร์มอลล์ โฮมโปร และร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชั้นนำ และจะขยายเป็น 100 ร้านค้า ภายในปี 2558
สำหรับตลาดเครื่องซักผ้าในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดตู้เย็นมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท และคาดว่าตลาดของสินค้าทั้งสองประเภทจะเติบโตในอัตรา ประมาณ 3 % ภายในปีนี้โดยมูลค่ารวมกันประมาณ 29,000 ล้านบาท
เบคโก้เป็นส่วนหนึ่งของคอช กรุ๊ป (Koc Group) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีสำนักงานอยู่ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีพนักงานกว่า 80,000 คน และมียอดขายรวมประมาณ 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,100,000 ล้านบาท) มีตัวแทนจำหน่ายกว่า 12,000 รายในทุกธุรกิจ และมีศูนย์วิจัยและการพัฒนา จำนวน 17 แห่ง
ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคอช กรุ๊ป มียอดขายมากถึง 181,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนพนักงาน 25,000 คน และเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงงานผลิตตู้เย็นที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน และโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน
คอช กรุ๊ป ก่อตั้งในปี 2469 ดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก และเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทคงทนถาวร พลังงาน ยานยนต์ และบริการทางการเงิน