ทิสโก้ เวลธ์ มองตลาดปรับฐานเป็นโอกาสสะสมหุ้น โดยเฉพาะ “เอเชียเหนือ” โดดเด่นสุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 6, 2014 09:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ทิสโก้ เวลธ์ มองช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนรอรับข่าวเฟดอาจหยุดคิวอี ตามการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ซึ่งในระยะยาวถือว่าจะส่งผลให้การเติบโตของประเทศที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้อานิสงส์ ไปด้วย โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือที่มี เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และฮ่องกง ทำให้คาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทในตลาดหุ้นทั้ง 4 ประเทศ น่าจะเติบโตได้อีก ส่วนความเสี่ยงของการประท้วงในฮ่องกงมองว่าน่าจะกระทบในระยะสั้น ดังนั้นหากหุ้นปรับตัวลงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุน นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ (Mr.Komsorn Prakobphol, Senior Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำในขณะนี้ยังคงเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดหุ้นในต่างประเทศ แม้ว่าภาพรวมจะมีมุมมองว่าในระยะสั้นตลาดมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะปรับฐานจากประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่ในระยะยาวยังเชื่อว่าตลาดหุ้นยังจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากวัฏจักรการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังคงสนับสนุนการเติบโตของกำไรต่อไป ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้โอกาสที่หุ้นปรับฐาน ในการเข้าลงทุน โดยเฉพาะใน “ตลาดหุ้นเอเชียเหนือ” โดยตลาดหุ้นเอเชียเหนือ (จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้) ยังคงได้รับอานิสงส์จากภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากการเปิดตัว iPhone 6 โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการเปิดตัวของอุปกรณ์สื่อสาร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่ม Smartphone/ Tablet/ Wearables เช่น iPhone 6/6 Plus, Apple Watch, Android Wear ที่มีห่วงโซ่อุปทานหลักอยู่ในประเทศเอเชียเหนือ โดยชิ้นส่วนหลักของ iPhone 6 เช่น Semiconductor และ เลนส์กล้องถ่ายรูปจะถูกผลิตจากไต้หวัน และส่งออกเพื่อไปประกอบที่โรงงานของ Hon ในประเทศจีน ดังนั้นยอดขาย iPhone ทุกเครื่องที่ไม่ได้ขายในประเทศจีน จะถูกนับรวมเป็นยอดส่งออกจากจีน และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ถูกผลิตจากไต้หวันจะนับรวมเป็นยอดส่งออกของไต้หวันไปสู่จีน นักวิเคราะห์คาดว่าการเปิดตัว iPhone 6 จะเพิ่มยอดการส่งออกของจีนราว 1% และไต้หวันราว 2% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะในไต้หวัน เนื่องจากตลาดหุ้นไต้หวันมีสัดส่วนอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง 46% ของมูลค่าตลาด ซึ่งอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมผลิตที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำ เนื่องจากใช้เครื่องจักรในการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากยอดขายฟื้นตัวได้ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ก็จะช่วยให้กำไรขยายตัวอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังมี Valuation ที่น่าสนใจ โดยตลาดหุ้นเอเชียเริ่มปรับตัวขึ้นและ Outperform ตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว และทำให้ส่วนต่างของค่า P/E ระหว่างตลาดเอเชีย เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดีค่า P/E ของตลาดหุ้นในเอเชีย ยังต่ำกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอยู่อีกมาก โดยในปัจจุบันดัชนี MSCI EM FarEast (ตลาดหุ้นเอเชีย) ซื้อขายที่ 12M Forward P/E ที่ 11.2 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ 15.7เท่า และยุโรปที่ 14.3 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดที่ 30% และ 23% ตามลำดับ ซึ่งยังถือเป็นส่วนลดที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15% และ 0% “กรณีประท้วงในฮ่องกงที่ยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของฮ่องกง ทำให้นักลงทุนมีความกังวล จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงนั้นมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เราประเมินว่า ผลกระทบดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น และเมื่อปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้ว ก็จะทำให้ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง ดังนั้นในจังหวะที่ตลาดหุ้นย่อตัวและด้วยความโดดเด่นของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเหนือนี้ จึงทำให้ช่วงนี้เป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือนั่นเอง” นายคมศร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ