กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--บ้านพีอาร์
หลักทรัพย์บัวหลวง เผยเดือนก.ย.ตลาดแกว่งตัวแคบ นักลงทุนหันเก็งกำไร DW อิงหุ้นขนาดกลางคึกคัก ชู “TRUE-TTA-BMCL” ยังได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมแนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ลงทุนอย่างใกล้ชิดรับมือ DW ถูกแขวน SP ห้ามซื้อขาย เผย 7 ต.ค. นี้แกะกล่องอิงหุ้น BCH พร้อมส่ง 26 รุ่นใหม่เข้าตลาด
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,600 จุด เนื่องจากตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไปก่อนหน้าแล้ว ประกอบกับไม่มีปัจจัยต่างประเทศใหม่ๆ ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนและถือเงินสด ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว โดยนักลงทุนปรับกลยุทธ์การลงทุนในการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) โดยเข้าเก็งกำไรในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ประเภทสิทธิในการซื้อ (Call DW) ที่อ้างอิงหุ้นขนาดกลางมากยิ่งขึ้น เช่น หุ้นสามัญของบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) หุ้นสามัญของบริษัท ทีพีไอโพลีน (TPIPL) และหุ้นสามัญของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) โดยคาดการณ์ว่าหุ้นอ้างอิงเหล่านี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด
นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนก.ย. 57 ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,600 จุด พบว่านักลงทุนเข้าซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ประเภทสิทธิในการขาย (Put DW) ที่อ้างอิงดัชนี SET50 เพื่อเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบในเดือนก.ย. 57 ยังคงมาจาก Call DW ในสัดส่วนสูงถึง 81.6%
สำหรับ DW ในหุ้นรายตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเดือน ก.ย. ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 25.7% เนื่องจากหุ้น TRUE มีความผันผวนระหว่างวันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหุ้นในดัชนี SET50 ทำให้นักลงทุนเข้ามาจับจังหวะทำกำไรทั้ง Call และ Put ส่วนอันดับ 2 เป็น DW ที่อ้างอิงหุ้น BMCL มีสัดส่วนการซื้อขาย 5.8% โดยเฉพาะ Call DW เนื่องจาก BMCL มีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่องตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดเส้นทางสายสีม่วงและน้ำเงินต่อขยาย รวมทั้งโอกาสได้เส้นทางใหม่จากการลงทุนในภาครัฐ ทำให้บริษัทน่าจะพลิกกำไรเร็วกว่าที่คาดไว้ และอันดับ 3 เป็น DW ที่อ้างอิงหุ้น TTA มีสัดส่วนการซื้อขาย 5.6% โดยเป็น Call DW จำนวนมากเช่นกัน เนื่องจาก TTA กำไรสุทธิติดต่อกันใน 3 ไตรมาสแรกของงวดปี 2557 นอกจากนี้ ธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือเทกองและรับขุดเจาะ ถ่านหิน และอาหารเครื่องดื่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก
ปัจจุบันภาพรวม DW ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 57 มีจำนวน 719 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 570 รุ่นและ Put DW 149 รุ่น โดยหลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกที่มีจำนวน DW สูงสุดคิดเป็น 17.1% ของจำนวนที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดและมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดในระบบคิดเป็น 74.2% ของจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีการซื้อขายทั้งหมด นอกจากนี้ยังครองส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในเดือน ก.ย. 57 เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 51.5% และมียอดการถือครอง DW โดยนักลงทุน เป็นอันดับ 1 เช่นเดิม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ขึ้นเครื่องหมาย SP จำนวน 1 วัน เพื่อห้ามการซื้อขายหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์ เนชั่นแนล (JAS) และ DW ที่อ้างอิงหุ้น JAS ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับ DW ที่นักลงทุนถือครองอยู่ ซึ่งกรณีดังกล่าวหลักทรัพย์บัวหลวงขอให้ข้อมูลแก่นักลงทุน เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในอนาคต โดยแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 หากตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้น SP กับหุ้นอ้างอิงและ DW ไม่เกินกว่าวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW นักลงทุนจะสามารถกลับมาซื้อขาย DW ได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากผู้ออกฯ ยังมีกลไกการดูแลราคา DW ตามปกติ โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบราคาที่เหมาะสมได้จากเว็บไซต์ของผู้ออกฯ รายนั้นๆ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ถือ DW ข้ามเครื่องหมาย SP จะมีความเสี่ยงในกรณีที่ราคาหุ้นอ้างอิงจะเปิดกระโดดไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนค่อนข้างมากเนื่องจาก DW เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราทด (Effective Gearing) นอกจากนี้ ในกรณี DW ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ DW มีมูลค่าลดลงจากการเสื่อมค่าเวลา (Time decay) ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทหุ้นอ้างอิงอย่างใกล้ชิด และพร้อมกำหนดจุดตัดขาดทุนของ DW ในกรณีที่ราคาไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้
ส่วนกรณีที่ 2 ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้น SP หุ้นอ้างอิงและ DW เกินกว่าวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW กรณีนี้ถือว่า DW ครบกำหนดอายุแล้ว นักลงทุนที่ถือ DW จะได้รับเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิแบบอัตโนมัติผ่านเข้าบัญชีธนาคารภายใน 9 วันทำการนับจากวันที่ผู้ออก DW ประกาศราคาอ้างอิง โดยราคาอ้างอิงที่นำมาใช้ในการคำนวณเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิแบ่งเป็น 2 ราคา คือ ราคาปิดของหุ้นอ้างอิงในวันแรกที่พ้นจากเครื่องหมาย SP ในกรณีที่หุ้นอ้างอิงถูกปลด SP ภายใน30 วันหลังวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW และ 2.ราคายุติธรรมที่จัดทำโดยที่ปรึกษาการเงินอิสระที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นชอบโดยราคายุติธรรมจะต้องถูกจัดทำไม่เกินกว่า 50 วันก่อนวันที่ผู้ออกฯ ประกาศแจ้งราคายุติธรรม ซึ่งเป็นกรณีที่หุ้นอ้างอิงถูกปลด SP หลังวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW เกินกว่า 30 วัน
นายบรรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักทรัพย์บัวหลวงยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย โดยในวันอังคารที่ 7 ต.ค.นี้ บริษัทจะออกและเสนอขาย DW จำนวนทั้งสิ้น 26 รุ่นครอบคลุม 15 หลักทรัพย์อ้างอิงได้แก่ ADVANC, AOT, BJC, BCH, BLA, EARTH, INTUCH, IRPC, JAS, KBANK, KTB, PTTEP, SCB, SET50 และ TRUE ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.blswarrant.com
จุดเด่นของการเสนอขายในครั้งนี้เป็นการออก Call DW ในหุ้นอ้างอิงใหม่ที่บริษัทไม่เคยออกมาก่อน คือบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เนื่องจากคาดผลประกอบการของ BCH จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากเปิดโรงพยาบาลเวิลด์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ที่มีฐานลูกค้ากลุ่มไฮเอ็นและต่างชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ยังออก Put DW อ้างอิงหุ้น EARTH จากที่ได้ออก Call DW อ้างอิงหุ้น EARTH ไปแล้ว เพื่อให้นักลงทุนได้จับจังหวะทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง หลังจากพบว่า DW ในหุ้นดังกล่าวได้รับความสนใจจำนวนมากมีมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อวันและมียอดถือครอง DW โดยนักลงทุน ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท