กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เหนือกว่ายนตกรรมที่เคยมีมา: รถสปอร์ตแบบ plug-in hybrid 3 รุ่นจากปอร์เช่
ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid)1) เปิดตัวสู่สายตาสาธาณชนอย่างเป็นทางการแล้วในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส มอเตอร์โชว์ วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา นี่คือรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid ระดับพรีเมี่ยมในตลาดรถสปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ SUV คันแรกของโลก พร้อมออกมาตั้งค่ามาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถหรูในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่แสดงให้เห็นว่าปอร์เช่คือผู้นำในเรื่องของการผลิตรถไฮบริดแบบ Plug-in ซึ่งหลังจากที่ปล่อยรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) 2) และ 918 สไปเดอร์ 3) (918 Spyder) ออกมาให้ยลโฉมแล้วก่อนหน้านี้
นอกเหนือจากคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) ยังมีปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) 4) รุ่นต่างๆ ออกมาให้ยลโฉมเช่นกัน นั่นคือคาเยนน์ เอส (Cayenne S) , คาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne Turbo) , คาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) และคาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) โดยต่างมีลักษณะที่ โดดเด่นเป็นพิเศษทั้งในเรื่องประสิทธิภาพของรถ ความประหยัด การรักษาเสถียรภาพของรถที่แม่นยำมากขึ้น รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันมากยิ่งขึ้น
ต้องขอบคุณต่อเทคโนโลยีไฮบริดแบบ plug-in ที่ได้รับการนำมาใช้กับคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) คันนี้ส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 3.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร) และอัตราการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพียง 79 กรัมต่อกิโลเมตร นี่คือตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เกินพิกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตลาดรถยนต์หนูนั้นปอร์เช่มาพร้อมกับนวัตกรรมไฮบริดแบบ Plug-in ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ภายใน 8 เดือนแรกของปี 2014 ปอร์เช่ส่งมอบรถยนต์ พานาเมร่า (Panamera)5) ไปทั้งหมด 16,698 คัน โดยเป็นรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ถึง 1,513 หรือคิดเป็น 9% จากยอดรวมเลยทีเดียว และปอร์เช่คาดหวังว่าคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) จะมียอดขายที่ถล่มทลายเช่นเดียวกัน
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) เผยโฉมเป็นทางการต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานแถลงข่าวของปอร์เช่ที่ Hall 4 วันที่ 2 ตุลาคม เวลา 9.35 น. โดยทำการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ (www.porsche.com/paris) นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัวรุ่นคาเยนน์รุ่นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน นั่นคือ คาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) ,คาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) , คาเยนน์ เอส (Cayenne S) และ คาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne Turbo) รุ่น Flagship สูงสุดของคาเยนน์
1) ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 20.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 79 กรัม/กิโลเมตร
2) ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.25 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 16.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร
3) ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.1-3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.25-33.33 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 72-70 กรัม/กิโลเมตร
4) รุ่นคาเยนน์ต่างๆอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 11.5-6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (8.7-15.15 กิโลเมตร/ลิตร); ในเมืองอยู่ที่ 8.9-6.0 ลิตร/100 กิโลเมตร (11.23-16.66 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 15.9-7.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (6.29-13.15 กิโลเมตร/ลิตร) ;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 267-173 กรัม/กิโลเมตร
5) รุ่นพานาเมร่า (Panamera) ต่างๆ อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่:10.7-6.4ลิตร/100 กิโลเมตร(9.34-15.62 กิโลเมตร/ลิตร); ในเมืองอยู่ที่ 7.8–5.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (12.8-17.85 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 15.7–7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร(6.37-13 กิโลเมตร/ลิตร) ;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 249–169 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Porsche Classic Service Clinic ได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-522-6655 ต่อ 400 - 402 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th