กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ หรือ Prime Office Leasehold Property Fund (POPF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะเพิ่มทุน กองทุน POPF เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โครงการบางนา ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน เกรด B มูลค่าไม่เกิน 2,094 ล้านบาท โดยการเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุน จำนวนรวม 139,638,600 หน่วย ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม ซึ่งมีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2557 โดยกำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 0.4083 หน่วยลงทุนเพิ่มทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุน สามารถจองซื้อน้อยกว่าสิทธิ หรือตามสิทธิ หรือเกินกว่าสิทธิ โดยราคาเสนอขายสูงสุดที่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมจะต้องชำระเท่ากับ 11.50บาทต่อหน่วย หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่จองซื้อจะได้รับเงินคืนในส่วนต่างของราคาต่อหน่วยที่ชำระไว้เกินสำหรับจำนวนหน่วยลงทุนที่จองซื้อตามสิทธิ และจำนวนหน่วยลงทุนที่จองซื้อเกินสิทธิ (ถ้ามี) ที่ได้รับจัดสรร โดยจะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 14 -20 ตุลาคมนี้ สามารถจองซื้อผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา
ทั้งนี้ กองทุน POPF จะลงทุนในโครงการบางนา ทาวเวอร์ ประกอบด้วย สิทธิการเช่าที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เป็นระยะเวลา 30 ปี สิทธิการเช่าอาคารพื้นที่ใช้สอยรวม 101,667 ตารางเมตรจัดเป็นพื้นที่ให้เช่า 49,594.39 ตารางเมตร รวมถึงพื้นที่จอดรถยนต์ พื้นที่ส่วนกลางและงานระบบภายในอาคาร ระยะเวลา 30 ปี กรรมสิทธิ์สังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องซึ่งได้ใช้ในการดำเนินกิจการโครงการบางนา ทาวเวอร์ และสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและสิทธิเก็บกินบนที่ดินเพื่อใช้เป็นที่จอดรถเพิ่มเติม
นายสมิทธ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการบางนา ทาวเวอร์ เป็นโครงการอาคารสำนักงานคุณภาพ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 6.5 ก่อนถึงศูนย์การค้าเมกาบางนา และตั้งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 20 กิโลเมตร โดยทำเลดังกล่าวถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นเส้นทางการคมนาคมการค้าที่สำคัญ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เช่าและผู้มาใช้บริการภายในโครงการ นอกจากนี้ อาคารดังกล่าวยังมีผลประกอบการที่ดี มีอัตราการเช่าพื้นที่(Occupancy Rate) ที่อัตราค่อนข้างสูง ประมาณร้อยละ 96.44 ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งเมื่อรวมพื้นที่ว่างที่มีผู้แสดงเจตนาจำนงค์เช่าพื้นที่ ส่งผลให้กองทุนรวมจะมีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ99 ณ วันที่กองทุนรวมเข้าลงทุนและมีศักยภาพในการเติบโตของค่าเช่า โดยในระหว่างปี พ.ศ.2553 – 2555 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) เท่ากับประมาณร้อยละ 4.7 ต่อปี รายได้รวมของอสังหาริมทรัพย์โครงการบางนา ทาวเวอร์มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2556 โครงการบางนา ทาวเวอร์มีรายได้รวม ประมาณ 186.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 175.36 ล้านบาท 155.90 ล้านบาทและ 135.41 ล้านบาทในช่วงปี พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2553 ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) เท่ากับประมาณร้อยละ 11.27 ต่อปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุน ยังมีมติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2557 ในอัตราหน่วยละ 0.3000 บาท โดยบริษัทจัดการจะแจ้งวันกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทราบต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการรับเงินปันผลได้ถูกกำหนดให้มีขึ้นก่อนการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับสิทธิในเงินปันผลดังกล่าวข้างต้นเฉพาะในหน่วยลงทุนเดิม ส่วนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมจะยังไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผลดังกล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน POPF ตั้งแต่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 จนถึง 30 มิถุนายน 2557 กองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้ว 13 ครั้ง รวมทั้งสิ้นประมาณ 3.2625 บาทต่อหน่วย ซึ่งราคาปิดของหน่วยลงทุนอยู่ที่ 12.20 บาทต่อหน่วย (ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2557) โดยมีราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10.00 บาทต่อหน่วย