กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--IR network
บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) ควง บล.แอพเพิล เวลธ์ แกนนำอันเดอร์ไรท์ พร้อมด้วย บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เดินสายโรดโชว์พบนักลงทุน 8 จังหวัด ระหว่างวันที่ 9 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายนนี้ เปิดฉากเรียกความเชื่อมั่นเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 95 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุน ผู้บริหาร NCL "กิตติ พัวถาวรสกุล" วางแผนนำเงินจากการระดมไปซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก ชำระหนี้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เชื่อด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ เชี่ยวชาญทุกเส้นทางการค้าหลักของโลก กลุ่มลูกค้าหลากหลาย ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม
ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด(มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) เปิดเผยว่า มีแผนที่จะนำ NCL เดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 95 ล้านหุ้น โดยจะนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนอย่างละเอียด เพื่อให้มีความเข้าใจในพื้นฐานธุรกิจและมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตที่สามารถจะขยายตัวได้อีกมาก
ทั้งนี้จะเดินทางโรดโชว์ทั้งสิ้น 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมาเป็นแห่งแรกในวันที่ 9ตุลาคมนี้ และวันที่ 15 ตุลาคม ที่หาดใหญ่, วันที่ 17 ตุลาคม จ.เชียงใหม่ ,วันที่ 20 ตุลาคม ที่ชลบุรี ,วันที่ 28 ตุลาคม จ.ขอนแก่น, วันที่ 30 ตุลาคม จ.ภูเก็ต,วันที่ 31 ตุลาคม จ.พิษณุโลก และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
“NCL ประกอบธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ แบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนและจัดการในการเคลื่อนย้ายสินค้า การดำเนินการด้านพิธีการศุลกากร การจัดการด้านสินค้าคงคลัง ทั้งนี้มีบริการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศที่ครอบคลุมทั่วทุกภาค และขนส่งในต่างประเทศครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงความเป็นมืออาชีพในระดับโลกของ NCL ได้โดยไม่ต้องกังขา ดังนั้นเชื่อว่าการนำเสนอข้อมูลให้ทั้ง 8 จังหวัดในครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นมองเห็นถึงศักยภาพของ NCL ซึ่งสามารถขยายตัวได้มากในอนาคต” ดร.ประสิทธิ์กล่าวในที่สุด
ปัจจุบัน NCL มีทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 81.25 ล้านบาท หุ้นสามัญจำนวน 325 ล้านหุ้น จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 95 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็น 22.62% ของทุนจดทะเบียนของบริษัท
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการ เงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า NCL เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านโลจิสติกส์ที่ครบวงจร ทำงานแบบโปรเฟสชั่นแนลได้รับการยอมรับในในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของผลประกอบการที่ขยายตัวอย่างมากในช่วง ปี2554 – 2556 โดยรายได้รวมของบริษัทมีอัตราการเติบโตสูงถึงประมาณร้อยละ 80 และคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะ NCL มีแผนการขยายธุรกิจขนส่งภายในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลาก โดยในปี 2558 มีแผนที่จะเปิ ดจุดบริการรับส่งสินเค้าเพิ่มอีก 2 คือที่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดอุดรธานี เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิม และเตรียมความพร้อมสำหรับการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จากการเติบโตของรายได้ที่มีอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้นักลงทุนสนใจ และได้รับการตอบรับที่ดี
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) กล่าวว่าการเดินทางไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ บริษัทจะนำเสนอข้อมูลของบริษัทให้กับนักลงทุน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะการประกอบธุรกิจ โดยมีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะการเติบโตที่ต่อเนื่องของ NCL ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะประสบการณ์การทำงานที่มีมานานกว่า 18 ปีด้านโลจิสติกส์ และมีความเชี่ยวชาญทุกเส้นทางการค้าหลักของโลก มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมองหากลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มด้วยบริการที่ครบวงจร ทำให้สามารถมายืนในจุดที่ได้รับการยอมรับอย่างเช่นวันนี้ได้
“สำหรับการตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ NCL จะ นำเงินไปลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางลากเพิ่มประมาณ 50-80 คัน ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีเป้ าหมายที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น และผมเชื่อว่า NCL ถือเป็นอีกหนึ่งของความภาคภูมิใจของคนไทยว่าธุรกิจนี้เราก็ทำได้” นายกิตติกล่าวในที่สุด