กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์ครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง มั่นใจในศักยภาพความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท เดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ขับเคลื่อน โดยมุ่งขยายตลาดในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำตลาดใน 8 ประเภทผลิตภัณฑ์ให้เติบโตยิ่งขึ้น
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ เปิดเผยหลังการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า “ยูนิลีเวอร์ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจอย่างน้อยสองเท่า ด้วยการขับเคลื่อน 5 กลยุทธ์หลัก เรามีแผนการลงทุน 3 ปีในประเทศไทย (2557 – 2559) มูลค่า 8,000 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ซึ่งโดยเฉลี่ยคนไทย 1 คน จะใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์อย่างน้อย 3 ครั้งในหนึ่งวัน ซึ่งทั้งหมดนี้ เรามั่นใจว่าจะช่วยให้เราขยายตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง และจะส่งผลที่ดีต่อทั้งผู้บริโภคของเรา พันธมิตรทางการค้าของเรา เศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงยูนิลีเวอร์ด้วย”
ทั้งนี้ การเติบโตทางธุรกิจที่วางไว้จะเดินอยู่ในกรอบของแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ (Unilever Sustainable Living Plan) ซึ่งแผนนี้ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2553 เป็นรูปแบบใหม่ในการดำเนินธุรกิจที่ยูนิลีเวอร์ทั่วโลกยึดถือเป็นหัวใจและแนวทางในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ซึ่งแผนนี้จะช่วยผลักดันให้เราเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. สร้างความรักความผูกพันต่อแบรนด์ ด้วยการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมคอนเนคและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคด้วยการตลาดแบบดิจิตอลมากขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการสร้างเซกเมนต์ตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ให้หลากหลายและครอบคลุมทุก ๆ ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
2. การผลิตมาตรฐานระดับโลก พร้อมลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในฐานะที่เป็นฐานการผลิตหลักที่มีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และมีศักยภาพการผลิตสินค้าคุณภาพเยี่ยมจำนวน 4,700 ล้านชิ้นต่อปี และที่สำคัญ คือ กระบวนการผลิตมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยโรงงานทั้ง 8 โรงของยูนิลีเวอร์ประเทศไทย ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและเกตเวย์ประสบความสำเร็จในการลดขยะฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
3. พันธมิตรทางการค้า โดยสร้างความร่วมมือระหว่างยูนิลีเวอร์กับคู่ค้าให้เกิดแผนการทำงานร่วมกันในทุกช่องทาง ทั้งโมเดิร์นเทรด และร้านค้าแบบดั้งเดิม เพื่อตอบสนองลูกค้าทุกคนในทุกช่องทางอย่างเหมาะสม
4. บุคลากรของเรา ยูนิลีเวอร์ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “นายจ้างดีเด่นอันดับหนึ่ง” ในกลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลูกจ้างอยากทำงานด้วย ยูนิลีเวอร์เน้นการสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่เพื่อให้พร้อมสำหรับการพัฒนาในอนาคต ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการเรียนรู้และการสร้างผลงาน และเร่งสร้างและสนับสนุนคนไทยที่มีความสามารถในการหาประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรระดับบริหารให้มีความสามารถทัดเทียมในระดับนานาชาติ
5. ปฏิบัติการเป็นเลิศในทุกๆวัน ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่กระตือรือร้น โฟกัสที่เป้าหมายเพื่อผู้บริโภคเป็นหลัก จะช่วยให้กลยุทธ์ทั้ง 5 ข้างต้นที่วางแผนไว้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
สำหรับแผนการลงทุน 3 ปี ระหว่างปี 2557-2559 ของยูนิลีเวอร์ นางสุพัตราได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยูนิลีเวอร์ได้ลงทุนก่อสร้างไปแล้วได้แก่ อาคารสำนักงานยูนิลีเวอร์ใหม่ มูลค่า 2,600 ล้านบาท รวมถึงการลงทุน 2,000 ล้านบาทสำหรับคลังสินค้าแห่งใหม่ และลงทุน 1,500 ล้านบาทเพื่อสร้างห้องเย็นไอศกรีมแห่งใหม่ และกำลังเตรียมขยายโรงงานผลิตเครื่องใช้ส่วนบุคคลชนิดเหลวมูลค่า 1,200 ล้านบาทและการขยายโรงงานผลิตอาหารมูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2559”