กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--PwC ประเทศไทย
PwC ทั่วโลกเผยปี 2557 รายได้ทุบสถิติใหม่แตะ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังเครือข่ายบริษัทในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ชี้เอเชียและตลาดเกิดใหม่ กำลังสำคัญหนุนรายได้เติบโต เผยแผนปี 58 มุ่งเน้นพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิตอล พร้อมเร่งจ้างบัณฑิตใหม่มากความสามารถเข้าร่วมงาน เน้นสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมวิเคราะห์ข้อมูล หลังปี 57 รับบัณฑิตใหม่ทั่วโลกกว่า 20,000 คน ดันยอดพนักงานทั่วโลกแตะ 195,000 คน ด้าน PwC ไทย เชื่อปี 58 ธุรกิจตรวจสอบบัญชี SME บูม หลังเกิดตลาดหุ้น SME
นาย เดนนิส แนลลี่ ประธาน บริษัท PricewaterhouseCoopers International Ltd เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท PwC ทั่วโลกรอบปีงบประมาณ 2557 (งบการเงินสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2557) มีรายได้รวม 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเติบโตจากรอบปี 2556 ที่ 6% ถือเป็นระดับรายได้สูงสุดเท่าที่บริษัทเคยมีมา โดยรายได้ส่วนใหญ่กว่า 45% ยังมาจากธุรกิจตรวจสอบบัญชี
“ในปี 2557 ทุกสายธุรกิจของ PwC ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในบางประเทศ การเพิ่มขึ้นของกฎระเบียบข้อบังคับ และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมก็ตามที” นาย แนลลี่ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานแยกตามประเภทธุรกิจของ PwC ในปี 2557 นั้น ธุรกิจตรวจสอบบัญชี (Assurance practice) ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท โดยทำรายได้ถึง 15,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเติบโต 3% จากปีที่ผ่านมา ภายใต้ภาวะการแข่งขันสูงและตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัวของธุรกิจตรวจสอบบัญชี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในชื่อเสียง แบรนด์ และคุณภาพการให้บริการที่ลูกค้ามีต่อบริษัท
ในส่วนรายได้จากธุรกิจที่ปรึกษา (Advisory) ในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% แตะที่ระดับ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นการเติบโตขึ้นเท่าตัวจากเมื่อ 5 ปีก่อน และรายได้จากธุรกิจดังกล่าว หรือเป็นสัดส่วนถึง 29% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท เป็นผลจากการให้คำปรึกษาบริษัทที่ทำธุรกิจระหว่างประเทศที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ไปจนถึงภาคปฏิบัติ รวมทั้งการซื้อกิจการของ Booz and Company ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Strategy&ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจด้านภาษี (Tax) สร้างรายได้กว่า 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 8% จากปีก่อน ตอกย้ำการมีบริการด้านภาษีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ตลาดเกิดใหม่ฐานรายได้สำคัญ
นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่มีส่วนทำให้รายได้ของ PwC เติบโตแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา และมีอัตราการขยายตัวมากกว่าประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว โดยในปัจจุบัน มีสัดส่วนถึง 20% ของรายได้รวมทั่วโลกทั้งหมด และคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยหลักๆ ตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หรือ BRIC เห็นการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย PwC ในอินเดียที่รายได้โต 24% จีนเพิ่มขึ้น 11% และบราซิลเพิ่มขึ้น 10%
ขณะที่เครือข่ายของ PwC ในตลาดพัฒนาแล้ว รายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน หลังการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น เช่น PwC สหรัฐฯ รายได้เพิ่มขึ้น 6% สหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 5% และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 10% นอกจากนี้ เครือข่ายของ PwC ในประเทศแถบยุโรปเช่น อิตาลีมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% และฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 5% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากพิจารณารายได้ตามภูมิภาค จะพบว่า เครือข่าย PwC ในตะวันออกกลางและแอฟริกามีการเติบโตสูงสุดถึง 16% สะท้อนถึงดีมานต์ของการใช้บริการที่เพิ่มสูงของกลุ่มประเทศในแถบภูมิภาคนี้ รองลงมาคือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ที่เติบโตประมาณ 13% ทวีปอเมริกาเหนือมีรายได้เพิ่มขึ้น 7% ส่วนรายได้จากทวีปยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 4% แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา
“สำหรับเครือข่าย PwC ในเอเชีย ต้องบอกว่าเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่ง โดยสร้างรายได้รวมกันกว่า 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนที่เติบโตประมาณ 2%” นาย ศิระ กล่าว
“PwC ประเทศไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้ในภูมิภาคนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเข้ามากระทบ ผมมองว่า สิ่งสำคัญที่เราจะต้องผลักดันต่อไปในระยะข้างหน้า คือการแสวงหาโอกาสในการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และ คงคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ บริษัทเอกชน และรัฐวิสาหกิจ” นาย ศิระ กล่าว
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 58 เติบโตต่อเนื่อง
นาย แนลลี่ ประเมินว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจโลก (จีดีพี) ในปี 2558 จะเติบโตประมาณ 3.2% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้การดำเนินธุรกิจของเครือข่าย PwC ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยในส่วนแนวโน้มของธุรกิจตรวจสอบบัญชี ตนเชื่อว่า ความต้องการบริการด้านตรวจสอบบัญชี รายงานผลการตรวจสอบและการควบคุมความเสี่ยงยังขยายตัวต่อเนื่อง และน่าจะขยายผลไปถึงการรายงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจที่ปรึกษาในปี 2558 น่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน โดยนายแนลลี่ กล่าวว่า ผลจากการเข้าซื้อกิจการฯ จะเสร็จสมบูรณ์ในปลายไตรมาส 4 ของปี 2557 และจะเริ่มส่งผลเต็มที่ในปีนี้ และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งงานให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้เติบโตในอนาคต
ในส่วนสายงานธุรกิจด้านภาษี เชื่อว่าความต้องการบริการด้านนี้ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริการด้านที่ปรึกษากฏหมาย รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อบังคับทางภาษีต่างๆ จะช่วยหนุนให้ธุรกิจนี้เติบโตได้ไม่แพ้ธุรกิจอื่น
เล็งจ้างงานเพิ่ม
สิ่งที่ PwC ให้ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้จ้างบุคลากรจำนวนทั้งสิ้น 45,000 คนทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มีบัณฑิตจบใหม่กว่า 20,000 คนทำให้ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 195,000 คนทั่วโลก
“ในปีนี้ เรามีแผนจะรับบัณฑิตมากกว่าปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาในตลาดเกิดใหม่ และพวกที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศและมีแผนที่จะกลับมาทำงานในตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูง เช่น แอฟริกา” นาย แนลลี่ กล่าว
“ในขณะเดียวกัน เรายังมีแผนที่จะรับนิสิต นักศึกษาที่จบด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมมากขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการบริการด้านดิจิตอล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง รวมทั้ง การบริหารจัดการความปลอดภัยข้อมูลบนโลกอินเตอร์เน็ต หรือไซเบอร์คราม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายามที่ไม่หยุดนิ่ง ในการมองหาโอกาสในการพัฒนาบุคลากร และบริการใหม่ๆ เพื่อรองรับลูกค้าของเราทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก” เขา กล่าว
นาย ศิระ กล่าวเสริมว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในส่วนของ PwC ประเทศไทยในปี 2558 นั้น บริษัทมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปพร้อมกับเครือข่ายทั่วโลก โดยมุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการให้บริการลูกค้า รวมถึงพัฒนาคุณภาพของบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการและนักธุรกิจในยุคดิจิตอล
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งขยายฐานลูกค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าในปีหน้าความต้องการด้านตรวจสอบบัญชีในธุรกิจ SME ของไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวสูง หลังจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พยายามผลักดันให้เกิดกระดานซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกระดานหุ้นเอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ SME หันมาสนใจจัดทำบัญชีและงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลมากขึ้น
อนึ่ง PwC ให้บริการลูกค้าขนาดใหญ่ทั่วโลกที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500 List) ถึง 84% และกลุ่มไฟแนนเชียล ไทม์ส โกลบอล 500 (Financial Times Global 500) อีก 93% รวมทั้ง ผู้ประกอบการและ ภาคเอกชน กว่า 100,000 รายทั่วโลก
นอกจากนี้ PwC ยังมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในปีผ่านมา เครือข่าย PwC ทั่วโลกร่วมกันบริจาคเงินเกือบ 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่กิจกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งมีพนักงาน PwC กว่า 53,000 คนที่อุทิศเวลากว่า 600,000 ชั่วโมง เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่ตนมีความชำนาญเพื่อเป็นการกุศลแก่องค์กรต่างๆ