กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
ปัจจุบันทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อความเป็นอยู่ของประชากร เพราะสินค้าต่าง ๆ ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้ทำการวิจัยส่งเสริมการปลูกไม้ยูคาลิปตัสนำมาเป็นพลังงานทดแทน และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ไม้ยูคาลิปตัส เป็นไม้ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว ปลูกง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้ง ขึ้นได้ในดินเสื่อมโทรมที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ แตกหน่อได้ดีโดยไม่ต้องปลูกใหม่ ใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่อายุ ๓ - ๕ ปี ปัจจุบันมีการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนกล้าไม้และแนะนำวิธีการปลูกที่ถูกต้อง อีกทั้งสามารถปลูกพืชควบในพื้นที่สวนป่าแบบไร่นาป่าผสมหรือวนเกษตรได้ เช่น ละหุ่ง เผือก ถั่วลิสง และอื่น ๆ ซึ่งพืชควบที่ปลูกให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ ไม้ยูคาลิปตัสยังนำไปใช้ประโยชน์ทางตรงได้หลายอย่าง เช่น ทำไม้ใช้สอย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ทำรั้ว คอกปศุสัตว์ ทำเสาใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ ทำฟืน เผาถ่าน เป็นเชื้อเพลิงติดไฟได้ดีและมีขี้เถ้าน้อย ให้ความร้อนใกล้เคียงกับถ่านไม้โกงกาง ซึ่งจัดว่าเป็นถ่านไม้ชั้นดีที่สุด ทำชิ้นไม้สับ นำมาแปรรูปและสับทำชิ้นไม้ นำไปผลิตเป็นแผ่นชิ้นไม้และแผ่นใยไม้อัด แผ่นปาร์ติเกิล แผ่นไม้อัดซีเมนต์ ส่งไปจำหน่ายให้กับโรงงานเยื่อกระดาษทั้งในและต่างประเทศ ทำเยื่อไม้ นำไปใช้ทำเส้นใยเรยอน ทำผ้าแทนเส้นใยฝ้ายหรือปุยนุ่น และทำกระดาษ จากการประเมินเยื่อไม้ยูคาลิปตัส ๑ ตัน ผลิตเยื่อกระดาษได้ประมาณ ๑ ตัน อีกทั้งมีคุณสมบัติ ทึบแสงประกอบกับไฟเบอร์มีความแข็งแรงเหมาะต่อการใช้ทำกระดาษพิมพ์เขียวประเภทต่าง ๆ
ยูคาลิปตัส ถือเป็นไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทยชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษและกระดาษ งานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เพื่อทดแทนไม้ธรรมชาติ หลังจากที่ไทยได้ยกเลิกการสัมปทานป่าไม้ ส่งผลให้ต้องนำเข้าไม้และทำให้ไทยสูญเงินแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันความต้องการไม้ยูคาลิปตัสของไทยมีมากถึง ๑๐ ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีการปลูกเพียง ๒๗๐,๐๐๐ ไร่ ได้ผลผลิต ๒.๗ ล้านตัน ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากจะมีตลาดรองรับที่ชัดเจนแล้ว ยูคาลิปตัส ยังเป็นไม้สารพัดประโยชน์ที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของพลังงานทดแทน--จบ--