กรุงเทพฯ--14 ต.ค.--ธามดี พลัส
FSMART เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก 14 ต.ค.57 นักลงทุนตอบรับดี ย้ำธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายจำนวนตู้เติมเงินปีนี้ตามเป้าหมาย 40,000 ตู้ เร็วกว่ากำหนด วางแผนปี 2558 จะมีตู้เติมเงินบุญเติมและบุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิสให้ครบ 55,000 ตู้ พร้อมเพิ่มบริการหน้าตู้ส่งเสริมศักยภาพการสร้างรายได้ ด้าน APM ที่ปรึกษาทางการเงินมอง FSMART รักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการเติมเงินและชำระเงินผ่านตู้เติมเงินออนไลน์ “บุญเติม” และสามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของFSMART คาดเทรดวันแรกไปได้สวย ความต้องการนักลงทุนจองซื้อล้น
นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือFSMART ผู้ให้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือประเภทเติมเงินล่วงหน้า และบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ ‘บุญเติม’ เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกของ FSMART ในวันนี้ (14 ต.ค.57) จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากการที่บริษัทมีแผนขยายจำนวนตู้เติมเงินต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีตู้เติมเงินบุญเติม 40,000 ตู้ตามเป้าหมายในปีนี้ ช่วงเวลาที่เหลือบริษัทจะวางแผนจะเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินอีกเดือนละประมาณ 1,000 ตู้ ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินดังกล่าวช่วยผลักดันให้ยอดเติมเงินมีอัตราการเติบโต และจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดเติมเงินไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบุญเติมทั่วประเทศ และการเพิ่มบริการหน้าตู้เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ได้ครอบคลุมมากกว่าขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อจูงใจให้ใช้ลูกค้ามาใช้บริการตู้เติมเงินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2556 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่กว่า 825 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 87 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2558 บริษัทฯตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบุญเติม และบุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิสให้ครบ 55,000 ตู้ ซึ่งบุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิสเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งให้บริการตามร้านค้าชุมชน และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นสินค้าที่ช่วยสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง
"ในปีนี้เราสามารถเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินได้ 40,000 ตู้เร็วกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ จากการที่ตัวแทนบริการหรือแฟรนส์ไชน์ของเราสามารถขยายตู้เติมเงินและบริหารตู้เติมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริษัทฯก็มีการวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดเติมเงินมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน ส่วนในปี 2558 บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบุญเติม และบุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิสให้ครบ 55,000 ตู้ ซึ่งจะทำให้ยอดเติมเงินเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน และจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายพงษ์ชัยกล่าว
นายสมภพ ศักดิ์พันธิ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส สามารถบริหารตู้เติมเงินบุญเติมให้เป็นผู้นำในธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์จนถึงปัจจุบัน สะท้อนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่ดี ด้วยความแข็งแกร่งในการบริหารงาน อีกทั้งมีจุดแข็งด้านตัวแทนบริการหรือแฟรนส์ไชน์ของ FSMART ที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคในประเทศ ตลอดจนการพัฒนาด้านซอร์ฟแวร์ที่บริษัทฯพัฒนาขึ้นเองและสามารถปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย รวดเร็ว และแม่นยำที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ FSMART มีอัตราการเติบโตทั้งยอดเติมเงิน และรายได้รวมต่อเนื่องทุกปี
ขณะเดียวกัน ธุรกิจของ FSMART ยังมีแนวโน้มการเติบโตตามอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ยิ่งส่งเสริมให้ธุรกิจเติมเงินมีการขยายตัวจากผู้ใช้มือถือระบบเติมเงินล่วงหน้า (Pre-Paid) ยังมีกว่า 80% ของผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด ทำให้มองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่มีอีกมาก อีกทั้งบริษัทฯยังวางแผนให้ตู้บุญเติมเป็นมากกว่าตู้เติมเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งในอนาคตอาจจะต่อยอดธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องช่วยเพิ่มรายได้ให้เติบโตอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ เชื่อว่าหุ้น FSMART จะเป็นอีกทางเลือกการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (FSS) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ธุรกิจตู้เติมเงินของ FSMART ถือว่าเป็นโมเดลทางธุรกิจที่มีความเฉพาะตัวและน่าสนใจอย่างมาก ประกอบกับการเติบโตของยอดเติมเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีส่งผลถึงการมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 530.11 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43% โดยมีกำไรสุทธิ 65.10 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับกำไรสุทธิทั้งปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 87.27 ล้านบาท
ขณะที่ราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ FSMART ที่ราคา 2.50 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ที่ 16.67 เท่า จึงถือว่าเป็นระดับราคาที่น่าสนใจต่อการลงทุน เมื่อเปรียบเทียบกับ P/E เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 33 เท่า ประกอบกับบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ โดยช่วงที่เปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ FSMARTที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้จองซื้อหุ้นทั้งสิ้นกว่า 5,000 ราย ซึ่งเชื่อว่าการซื้อขายหุ้น FSMARTวันแรกและต่อไปจากนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นเดียวกัน