กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยเห็นสัญญาณเชิงบวกจากการปิดยอดขายคอนโดใหม่ใจกลางเมืองเมื่อเร็วๆ นี้ ในเวลาอันรวดเร็ว สะท้อนความมั่นใจและกำลังซื้อของผู้บริโภคหลังจากชะลอมานาน ระบุพื้นที่ชั้นกลางยังคงเติบโตดี อาทิ พระราม 9-รามคำแหง เนื่องจากเป็นทำเลที่เชื่อมต่อการคมนาคมที่สะดวก ราคายังไม่สูงมาก ขณะที่อัตรายอดขายคอนโดในครึ่งปีแรกของทำเลนี้สูงถึง 75%
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Mr. Poomipak Julmanichoti, Managing Director, Plus Property Company Limited) ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยแยกเป็นโซนต่างๆ ซึ่งเห็นได้ว่าราคาขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในกรุงเทพฯ ได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 94,000 บาท/ตารางเมตร ปรับขึ้นจาก 88,000 บาท/ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 2 โดยภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็เริ่มแห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังผู้บริโภคมีความมั่นใจ ซึ่งสัญญาณฟื้นตัวนี้เห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เปิดขาย 2 โครงการบริเวณอโศก ซึ่งสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ราคาขายเฉลี่ยของแต่ละโครงการสูงถึง 180,000 บาท/ตารางเมตร และ 250,000 บาท/ตารางเมตร ตามลำดับ นอกจากมียังมีอีก 2 โครงการที่เปิดขายที่ ราชเทวี และพญาไท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและปิดการขายได้เช่นกัน ทั้ง 4 โครงการนี้ มีห้องชุดขายรวมที่ประมาณ 1,900 ยูนิต ดังนั้นการปิดการขายทั้ง 4 โครงการนี้นับว่าเป็นการตอกย้ำความต้องการของคอนโดมิเนียมบริเวณศูนย์กลางของกรุงเทพฯได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวโครงการต่างๆ อีก โดยเฉพาะโครงการที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เช่น แถววงศ์สว่างและสี่แยกบางนา ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยที่สูงถึง 120,000 บาท
“จะเห็นได้ว่า โครงการต่างๆ ที่พัฒนาตามแนวรถไฟฟ้ามีส่วนผลักดันให้ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ สูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้านับจากอโศกซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟลอยฟ้าและใต้ดินแล้ว โครงการที่ตั้งอยู่บนแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนั้นจะมีระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของกรุงเทพฯ มากกว่า 15 กิโลเมตร ซึ่งต่อให้เดินทางโดยรถไฟฟ้าก็จะใช้เวลาในการเดินทางไม่น้อยเช่นกัน ต้องยอมรับว่าประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาทำให้กระแสของ
รถไฟฟ้าได้รับการตอบรับที่ดีเป็นพิเศษ แต่หากพิจาณาอย่างรอบคอบแล้ว เรายังจะสามารถหาทำเลที่ใกล้ศูนย์กลางกรุงเทพฯ ที่ราคาไม่สูงมากและให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้อยู่ เพราะถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์กลางกรุงเทพฯ แล้วการที่ราคาของคอนโดแพงกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร ผลตอบแทนการ ลงทุนจากการเช่าจะไม่น่าสนใจ หากพิจารณาจากข้อมูลบริษัทได้ทำการสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ พบว่า ทำเลพระราม 9 - รามคำแหง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจ เนื่องจากราคายังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเหมือนทำเลอื่นๆ โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 65,000 – 70,000 บาท/ตารางเมตร ทั้งๆ ที่ทำเลนี้อยู่ห่างจากบริเวณศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น การที่ทำเลนี้ไม่ไกลและราคาไม่สูง จึงทำให้ทำเลนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ส่งผลให้อัตราการดูดซับการขายคอนโดมีเนียมในครึ่งปีแรกของทำเลนี้คือ 75% ซึ่งถือว่าดีมาก โดยอุปสงค์อยู่ที่ 6,000 ยูนิต จากอุปทานที่ 8,000 ยูนิต เนื่องจากทำเลนี้มีแนวโน้มการเติบโตสูง อยู่ใกล้กับถนนรัชดาภิเษกซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯ อีกทำเลหนึ่ง รวมถึงสามารถเชื่อมต่อถนนหลักอื่นๆ อาทิ อโศก เพชรบุรี สุขุมวิท ดินแดง พระราม 4 นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 และ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน และอยู่ใกล้แหล่งสาธารณูปโภค อาทิ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถาบันการศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวก จึงเป็นบริเวณที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยหรือลงทุนจากการปล่อยเช่า เพราะราคาถูกกว่าทำเลรอบนอกที่รถไฟฟ้าผ่าน และยังอยู่ใกล้ศูนย์กลางของกรุงเทพฯ อีกด้วย”