กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการด้านข่าวสารผ่านทางสื่อหลากหลายประเภท ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งของหนังสือพิมพ์ของบริษัทอันประกอบด้วย “กรุงเทพธุรกิจ” “The Nation” และ “คม ชัด ลึก” รวมถึงความสามารถของคณะผู้บริหาร ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทจากธุรกิจทีวีดิจิตอล ช่อง “NOW” และช่อง “Nation TV” ด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัญหาในการดำเนินธุรกิจหนังสือพิมพ์ทั้งในส่วนของการโฆษณาที่ชะลอตัวและแนวโน้มที่ลดลงของยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจทีวีดิจิตอล ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงโอกาสเติบโตของบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจทีวีดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้น อันดับเครดิตจะได้รับการปรับขึ้นหากบริษัทประสบความสำเร็จกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงโดยไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตมีโอกาสที่จะถูกปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ในกรณีที่บริษัทใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการได้รับประโยชน์จากธุรกิจทีวีดิจิตอล
บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “เนชั่นกรุ๊ป” เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสื่อในระดับแนวหน้าของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น (9.20%) และนายเสริมสิน สมะลาภา (9.08%) ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาระบันเทิง การศึกษา การพิมพ์ และขนส่ง ธุรกิจหลักของบริษัทได้แก ธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์และธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ โดยสร้างรายได้ 55% และ 31% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ตามลำดับ
รายได้ค่าโฆษณาถือเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยทั่วไป งบโฆษณาสำหรับทุกสื่อจะแปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือน และความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและการบริโภคมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ทั้งนี้ ข้อมูลของสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยระบุว่างบโฆษณาในสื่อทุกประเภทลดลง 9.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า งบโฆษณาในภาคธุรกิจฟรีทีวี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 64% ของงบโฆษณาทั้งหมดลดลง 6.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าหลังจากเติบโตอย่างสม่ำเสมอในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.9% ในขณะที่งบโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 12% ของงบโฆษณาทั้งหมดลดลง 15.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่ารวมของการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ไม่มีการเติบโตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาวะไม่พึงประสงค์ของธุรกิจโฆษณาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 โดยบริษัทรายงานรายได้ที่ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,224 ล้านบาท
สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหนังสือพิมพ์ลดลง 20% โดยอยู่ที่ 674 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 839 ล้านบาท นอกจากผลกระทบจากภาวะอุตสาหกรรมโฆษณาแล้ว การลดลงดังกล่าวยังสะท้อนถึงความนิยมในการอ่านหนังสือพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อสมัยใหม่อื่น ๆ เช่น อินเทอร์เนท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ของไทยเอาไว้ได้ แต่โอกาสเติบโตของสื่อดังกล่าวจัดว่ามีจำกัด
สำหรับธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพนั้น บริษัทได้ทำการออกอากาศช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง คือ ช่อง “NOW” ซึ่งเป็นช่องรายการทั่วไปด้วยความคมชัดมาตรฐาน และช่องข่าว “Nation TV” เมื่อเดือนเมษายน 2557 รายได้จากธุรกิจสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพก็ได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของธุรกิจโฆษณาเช่นกัน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากธุรกิจดังกล่าวของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 385 ล้านบาทจาก 380 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดังกล่าวมาจากธุรกิจทีวีดาวเทียมของบริษัทเป็นหลัก การดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลในระยะแรกนั้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการแจกคูปองทีวีดิจิตอลและการขยายโครงข่ายของผู้ให้บริการ ตลอดจนความสับสนในการเรียงช่องที่ต่างกันในแต่ละช่องทางการรับชม รวมไปถึงวิธีการวัดเรทติ้งรายการ อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดการณ์ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดให้มีการแจกคูปองทีวีดิจิตอลในเดือนตุลาคม 2557 คาดว่าการแจกคูปองจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของระบบทีวีอนาลอกไปเป็นระบบดิจิตอล ทั้งนี้ ข้อมูลจาก บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่ามีผู้ชมทีวีดิจิตอลคิดเป็น 13% ของผู้ชมทั้งหมดในเดือนสิงหาคม 2557
ภาพรวมของอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในปี 2558 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ อาทิ งบการใช้จ่ายด้านโฆษณาที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และความเชื่อมั่นทางการเมืองที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีผู้ชมเพิ่มขึ้น หลังจากมีการแจกคูปองทีวีดิจิตอลและการขยายโครงข่ายการรับชมทีวีดิจิตอล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินโฆษณามาสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอลมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ทริสเรทติ้งจึงยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อโอกาสการเติบโตของบริษัทจากธุรกิจทีวีดิจิตอล นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจทีวีอยู่แล้ว บริษัทจึงไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนักในระยะแรก ยกเว้นค่าใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอล นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้ประโยชน์ในการบริหารต้นทุนจากการมีสื่อหลายประเภทด้วย อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลของบริษัทจะมีปัจจัยกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง ค่าประมูลใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอลที่สูงทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันเพื่อดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณา ทริสเรทติ้งเชื่อว่าช่อง “Nation TV” จะสามารถดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณาได้จากการเป็นผู้นำด้านการผลิตรายการข่าวมาเป็นเวลานาน สำหรับช่อง “NOW” ที่วางตัวเป็นช่องธุรกิจและไลฟสไตล์นั้นจะมีเนื้อหาที่ตรงกับผู้ชมเฉพาะกลุ่มซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดึงดูดผู้ชมและงบโฆษณา
ภาวะการดำเนินงานที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเพิ่มทุนของบริษัทในปี 2556 และการที่มีการแบ่งชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลออกเป็น 6 งวด โครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทจึงยอมรับได้ในอันดับเครดิตปัจจุบัน สำหรับครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 61.30% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 18.16% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระค่าใบอนุญาตประกอบการช่องทีวีดิจิตอลจำนวน 2,944 ล้านบาท ถ้านำภาระหนี้ดังกล่าวสุทธิจากเงินสดในมือของบริษัทมาพิจารณารวมด้วยแล้ว ฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่มีการปรับรวมภาระหนี้แล้วอยู่ที่ 21.40% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่มีการปรับรวมภาระหนี้แล้วอยู่ที่ระดับ 38.85% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ภาวะอุตสาหกรรมโฆษณาที่ชะลอตัวลงส่งผลทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลงอยู่ที่ 13.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เทียบกับ 17.4% ในปี 2556 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่ารายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าต้นทุนและจะมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานถึงระดับ 800-900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558-2560 ในขณะที่บริษัทมีแผนจะลงทุนรวมประมาณ 350 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นหลัก ซึ่งเมื่อรวมกับค่าใบอนุญาตที่บริษัทต้องชำระแล้วจะทำให้บริษัทต้องใช้เงินรวมประมาณ 2,300 ล้านบาทในช่วงปี 2558-2560 ด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานและสภาพคล่องที่สำรองเอาไว้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive