ที เอ็น ที เล็งเห็นแนวโน้มความเติบโตด้านบริการทางอินเตอร์เน็ตในการนำบริการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้อย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้ธุรกิจในภูมิภาคเติบโตขึ้น

ข่าวทั่วไป Friday July 23, 1999 16:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--23 ก.ค.--ทีเอ็นที
ที เอ็น ที บริษัทชั้นนำด้านการจัดส่งเอกสาร พัสดุภัณฑ์ด่วน ไปรษณีย์ภัณฑ์ระหว่างประเทศ และการจัดการควบคุมขนส่ง คาดว่าการใช้ธุรกิจออนไลน์และการนำบริการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบในภูมิภาคเอเชียจะมีการเติบโตมาก ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ที เอ็น ที คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2545 ร้อยละ 70 ของรายการสินค้าทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียจะควบคุมการจัดส่งโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น ในขณะที่การนำบริการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ในระบบการจัดการควบคุมขนส่งอย่างครบวงจร (Supply Chain Management) ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce companies) จะมีประมาณร้อยละ 30 ของบริษัทที่ทำธุรกิจในภูมิภาคนี้
มร. เจมส์ โอเดน กรรมการผู้จัดการ ที เอ็น ที (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ถึงแม้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยจะยังอยู่ในช่วงระยะเริ่มต้นแต่ก็มีแนวโน้มในการเติบโตสูงเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการขยายตัวของธุรกิจด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีจำนวนผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตเพื่อการค้าประมาณ 4 แสนราย และจำนวนผู้ใช้บริการเพื่อการศึกษามากกว่า 5 แสนราย ขณะที่ระบบการจัดการด้านการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยเริ่มที่จะแพร่หลาย ขณะนี้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 6 ฉบับ และกำลังศึกษาเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีของบัตรอัจฉริยะ (Smart Card) เพื่อค้นหาระบบที่ปลอดภัยสูงสุดและเหมาะสมกับธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินของประเทศ
ที เอ็น ที วางเป้าไว้ว่าจะใช้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการใช้อินเตอร์เน็ตโดยการรับผิดชอบการดูแลพื้นฐานเบื้องต้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตผู้ที่ดำเนินธุรกิจด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะเป็นผู้นำของโลก”
มร. นาวด์ ลูสซิง ผู้จัดการประจำภูมิภาค ด้านเทคโนโลยีเพื่อบริการลูกค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต ของ ที เอ็น ที ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งล่าสุด มีความเชื่อมั่นว่าศักยภาพในการเติบโตของจำนวนบริษัทที่ใช้บริการทางอินเตอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค จะมีมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ “การใช้บริการอินเตอร์เน็ต
ในเอเชียเริ่มมาจากการใช้ในธุรกิจ ตรงข้ามกับประเทศอเมริกาที่การใช้บริการอินเตอร์เน็ต เริ่มมาจากการใช้ส่วนบุคคล จากข้อมูลของสถาบันไอดีซี (IDC Internet Commerce Market Model) พบว่าในปี พ.ศ. 2542 การใช้อินเตอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียจะเป็นการใช้ส่วนบุคคลร้อยละ 20 เป็นการใช้ในหน่วยงานภาครัฐบาลและใช้เพื่อ
การศึกษาร้อยละ 28 ส่วนที่เหลือจะเป็นการใช้ในภาคธุรกิจถึงร้อยละ 52 ซึ่งเป็นระดับผู้ใช้ที่สูงมาก ซึ่ง ที เอ็น ที จะใช้เป็นฐานในการให้บริการทั้งระบบออนไลน์และระบบบริการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ (e-fulfilment)” มร. ลูสซิง กล่าว
“ในอนาคตผู้ที่ดำเนิธุรกิจด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะเป็นผู้นำของโลกที่มีบทบาทโดดเด่นในด้านนี้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจด้านนี้ประสบความสำเร็จคือกลยุทธ์ในระบบการจัดการควบคุมขนส่งอย่างครบวงจร ทั้งในเรื่องการบริหารต้นทุนและการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ถึงแม้ว่าคุณจะมีทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดและมีให้บริการด้านออนไลน์ แต่ถ้าปราศจากรูปแบบการจัดการควบคุมขนส่งอย่างครบวงจร ธุรกิจก็อาจประสบความล้มเหลว นี่คือคำตอบที่ว่าทำไม ที เอ็น ที จึงมุ่งมั่นให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ เราตั้งใจที่จะมาเป็นทางเลือกด้านธุรกิจทางด้านอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบให้กับคู่ค้าของเราในภูมิภาคนี้” มร. ลูสซิง กล่าวเพิ่มเติม
มร. ลูสซิง ได้เดินทางทั่วอาเซียนเพื่อเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดของ ที เอ็น ที ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของการให้บริการทางอินเตอร์เน็ตที่ถูกออกแบบเพื่อจัดรูปแบบใหม่ของธุรกิจบริการด้านการจัดส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ด่วน พร้อมกับย้ำความเป็นผู้นำของ ที เอ็น ที ในการเป็นบริษัทผู้นำที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตในการขนส่ง
บริการของ ที เอ็น ที ประกอบด้วย Quick Shipper ที่เสนอให้บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one-stop online) ทางระบบออนไลน์ในการเข้าไปใช้บริการจัดส่งเอกสารของ ที เอ็น ที ตั้งแต่ตรวจสอบราคาไปจนถึงการจัดส่ง Price Checker การให้บริการตรวจสอบราคาทางระบบออนไลน์ทั่วโลกเป็นรายแรกในภูมิภาค Web Collection เป็นบริการที่ให้ลูกค้าสามารถสั่งจองรายการรับสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต Web Tracker เป็นระบบที่ลูกค้าสามารถเข้าไปตรวจสอบสินค้าได้มากกว่า 100 รายการในเวลาเดียวกัน โดยสามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าสินค้าถึงที่หมายเรียบร้อยหรือยัง ใครเป็นผู้เซ็นรับและตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใส่เลขรายการสินค้า และ Customised service environment ของ ที เอ็น ที คือการบริการเอ็กซ์ทราเน็ตเฉพาะสำหรับลูกค้าของ ที เอ็น ที ซึ่งเสนอบริการเฉพาะลูกค้าของ ที เอ็น ที โดยลูกค้า สามารถเข้าไปใช้บริการได้อย่างสะดวก ลูกค้าสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลจะถูกสร้างให้เฉพาะเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าแต่ละรายตามความต้องการของลูกค้า
บริการทางอินเตอร์เน็ต ของ ที เอ็น ที
* Quickshipper เป็นการบริการที่ทุกคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าไปตรวจสอบราคา เตรียมส่งสินค้า และเรียกใช้บริการของ ที เอ็น ที ได้อย่างสะดวกในการเข้ามาใช้บริการเพียงในครั้ง โดยที่ไม่ต้องมีรหัสผ่าน หมายเลขสินค้า หรือซอฟแวร์พิเศษอย่างใดทั้งสิ้น ท Price Checker เป็นการบริการที่ให้ลูกค้าของ ที เอ็น ที และผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า สามารถเข้ามาตรวจสอบราคาค่าบริการการส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน 7 วันต่อหนึ่งสัปดาห์ผ่านทางเว็บไซต์ของ ที เอ็น ที ที่ www.tnt.com เพื่อทำการสอบถามราคา ลูกค้าสามารถเข้าไปหาข้อมูลของรายการสินค้าได้ อย่างง่ายดาย อาทิ จุดเริ่มต้น ปลายทาง และความต้องการใช้บริการ ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปจะเข้าไปในระบบตรวจสอบราคาของ ที เอ็น ที และราคาจะปรากฏที่หน้าจออินเตอร์เน็ตภายในไม่กี่วินาที Price Checker ได้รับการออกแบบโดยผสมผสานระหว่างการให้บริการ Web Collection และการบริการที่ประสบความสำเร็จของ Web Tracking ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ที เอ็น ที ในการสร้างศูนย์บริการลูกค้าบนอินเตอร์เน็ตและนำเสนอทางเลือกและการบริการที่มากขึ้นให้กับลูกค้า ท ที เอ็น ที customised service environment (CSE) ประกอบขึ้นด้วย mytracker myprice myshipper และ mylogbook โดย mytracker จะคล้ายกับ Web Tracker แต่จะให้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า myprice จะให้ข้อมูลอัตราค่าใช้บริการเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย ในขณะที่ myshipper จะคล้ายกับ quickshipper แต่จะอนุญาตให้ลูกค้าบันทึกที่อยู่และคำนวนราคาค่าใช้บริการออกมาเฉพาะลูกค้าแต่ละราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นความลับเฉพาะลูกค้ารายนั้น mylogbook จะบันทึกประวัติการส่งสินค้าของลูกค้า
“ลูกค้าของ ที เอ็น ที สามารถใช้บริการออนไลน์ที่สะดวกและง่ายดาย ทุกเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ด้วยบริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาพร้อมกับเสนอทางเลือกที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย” มร. ลูสซิง กล่าวสรุป
สำหรับบรรณาธิการ
ที เอ็น ที เป็นบริษัทผู้นำด้านการขนส่ง การจัดการควบคุมพัสดุ และไปรษณียภัณฑ์ด่วนระดับโลก ธุรกิจจัดส่งด่วนของบริษัทดำเนินการจัดส่งสินค้า พัสดุภัณฑ์ด่วนถึง 2.1 ล้านชิ้น ในแต่ละสัปดาห์ โดยผ่านศูนย์กลางการขนส่งและโกดัง 969 แห่ง และด่าน 55 ด่าน โดยใช้ยานยนต์ 17,000 คัน และเครื่องบิน 38 ลำในการขนส่ง
ที เอ็น ที เป็นบริษัทในกลุ่ม ที เอ็น ที โพสต์ (ที พี จี) มหาชน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ที เอ็น ที เป็นหนึ่งในสี่บริษัทใหญ่ที่รับจัดส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทั่วโลก ในปัจจุบันมีพนักงานรวมประมาณ 100,000 คน ใน 55 ประเทศและให้บริการในกว่า 200 ประเทศ มีผลประกอบการ 16,300 ล้านกิลเดอร์ ในปีที่ผ่านมา--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ