กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--คอร์แอนด์พีค
รายงานข่าวจากวงการแพทย์ไทยเปิดเผยว่าในปัจจุบันผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปกับปัญหาการหลงลืมการรับประทานยารักษาโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เนื่องจากในปัจจุบันมีทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วย ซึ่งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกสบายกับทั้งผู้ป่วยเองและคนดูแลผู้ป่วย เพียงแค่ใช้ “แผ่นแปะอัลไซเมอร์” ก็สามารถรักษาอาการได้ โดยตัวยาจะดูดซึมผ่านทางผิวหนัง ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการรับประทานยาในปัจจุบัน
แผ่นแปะอัลไซเมอร์เป็นเสมือนยาแต่อยู่ในรูปแบบแผ่นแปะ ที่มีตัวยารักษาโรคชนิดนี้อยู่ และได้รับการรับรองจากองค์กรอาหารและยาทั่วโลก รวมถึงสำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย. แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของระดับปริมาณยาที่ใช้เพื่อเข้าสู่ในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลที่แตกต่างในอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น เนื่องจากยาเม็ดชนิดรับประทานต้องผ่านกระบวนการดูดซึมและกำจัดออกในระบบทางเดินอาหาร การนำส่งยาเข้าสู่กระแสเลือดมีลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งหากระดับยาสูงมาก ก็จะเกิดอาการข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน มากยิ่งขึ้น แต่แผ่นแปะสำหรับรักษาโรคสมองเสื่อม จะปล่อยตัวยาซึมผ่านผิวหนังและเข้าสู่กระแสเลือดในอัตราที่คงที่และต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ดังนั้นโอกาสในการเกิดอาการข้างเคียงจึงลดลง ทำให้ผู้ป่วยได้รับขนาดยาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ผู้ดูแลผู้ป่วยยังสามารถมองเห็นแผ่นยาตลอดเวลาที่แปะ ทำให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับยาจริง และยังไม่ต้องกังวลกับช่วงเวลาในการแปะยา เนื่องจากอาหารไม่มีผลต่อการดูดซึม วิธีการใช้เพียงหนึ่งแผ่นต่อวัน และสามารถอาบน้ำถูสบู่บริเวณที่แปะได้ และมีราคาไม่แพง ซึงผู้ป่วยที่อยากหันมาใช้แผ่นแปะชนิดนี้ สามารถขอคำปรึกษาได้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการรักษากันอย่างต่อเนื่อง และไม่ควรขาดยาติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการหลงลืม ทำอะไรไม่ถูก ซึ่งอันตรายมาก การรับประทานยาด้วยตนเองหรือผู้ดูแลขาดความเอาใจใส่ หรือบางครั้งผู้ป่วยเองอาจหลงลืมหรือไม่แน่ใจว่ารับประทานยาครบถ้วนแล้วหรือยัง หรือไม่ยอมรับประทานยา หรือรับประทานยาไปแล้วทุกวัน มักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนค่อนข้างมาก ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้อย่างต่อเนื่องหรือต้องมีการปรับขนาดของยา เพื่อลดข้อจำกัดและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากยาในรูปแบบรับประทาน ดังนั้นนวัตกรรมแผ่นแปะอัลไซเมอร์สำหรับโรคสมองเสื่อมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาในปัจจุบัน