กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
กรุงเทพฯ, 15 ตุลาคม 2557 – หนุ่ม-สาวยุคใหม่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น พร้อมๆ กับความสนใจในการบริโภคอาหารอย่างสมดุลซึ่งหมายถึงการรักษาความสมดุลระหว่างพลังงานจากอาหารที่เราบริโภคกับพลังงานที่เราใช้ไปในกิจกรรมทางกายในแต่ละวัน ที่หลายคนนิยมปฏิบัติกันเป็นประจำ เรียกได้ว่า ทั้งรับประทานและใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงไปพร้อมๆ กันในทุกๆ วัน เพื่อไม่ให้เกิดพลังงานส่วนเกินในร่างกายจนกลายเป็นน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในที่สุด หลายคนเลือกวิธีออกกำลังกาย ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก โยคะ หรือแม้แต่กีฬาแมนๆ อย่างมวยไทย ก็มีสาวๆ ให้ความสนใจอยู่มากทีเดียว แต่ออกกำลังกายอย่างหนักเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง ปราศจากโรคภัยได้ ควรต้องรับประทานอาหารที่เหมาะสมและสมดุลต่อความต้องการของร่างกายอีกด้วย สำหรับหนุ่ม-สาวสุดฟิตที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วนั้น เรามีทิปส์ง่ายๆ เกี่ยวกับการรับประทานอาหารให้สมดุลกับการออกกำลังกายโดยเฉพาะจากเวิร์คช็อป “โค้ก คัพ ไรซิ่ง สตาร์” (Coke Cup Rising Star) เวิร์คช็อป 360º ในโครงการฟุตบอลเยาวชนโค้ก คัพ ที่จัดขึ้นให้แก่เยาวชนได้ตระหนักถึงการบริโภคอาหารให้เหมาะสมและสมดุลกับการออกกำลังกาย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจหลักของ กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยที่สนับสนุนให้เยาวชนและคนไทยหันมาใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมเชิญ รศ. ดร. กัลยา กิจบุญชู แห่งสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ดีกรีนักโภชนาการการกีฬา มาให้ความรู้เรื่อง “เคล็ดลับการดูแลอาหารสำหรับการออกกำลังกาย” แก่เยาวชนกว่า 2,000 คนทั่วประเทศในโครงการฯ
ทิปแรกคือ “พลังงานที่มากกว่า” รศ. ดร. กัลยา กล่าวว่า “เพราะคนออกกำลังกายและนักกีฬาจำเป็นต้องใช้พลังงานที่มากกว่าปกติเพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ รวมทั้งยังช่วยทดแทนพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกายและฝึกซ้อม จึงมีความจำเป็นต้องบริโภคสารอาหารให้พลังงาน เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ให้มากกว่าคนทั่วไป หากฝึกซ้อมและเล่นกีฬาแข่งขัน (หรือแม้แต่จะ
ตีแบดกับเพื่อน) การบริโภคอาหารเน้นคาร์โบไฮเดรตประมาณ 1 – 4 ชม. ก่อนเล่นจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกายได้อย่างดี รับรองว่าเล่นได้เต็มเวลา แรงไม่มีตกแน่นอน”ระหว่างการออกกำลังกาย นอกจากพลังงานแล้ว ร่างกายยังเสียเหงื่อมากกว่าปกติอีกด้วย ทำให้หนุ่มสาวที่รักการเล่นกีฬาต้องการ “น้ำที่มากกว่า” เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำ 400-600 มิลลิลิตรก่อนออกกำลังกายสัก 2 ชั่วโมงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายได้ อาจจะทยอยดื่มทีละน้อยทุกครึ่งชั่วโมงก็ได้ หลังออกกำลังก็ต้องชดเชยน้ำที่สูญเสียไปด้วย คำนวณง่ายๆ ด้วยการการชั่งน้ำหนักก่อนและหลังการออกกำลังกายเพื่อวัดจำนวนน้ำที่เสียไป แล้วทยอยดื่มชดเชย 150% ของน้ำหนักตัวที่หายไปได้เลย
สุดท้าย ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำก็ต้องการ “ผัก/ผลไม้ที่มากกว่า” แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ไม่ได้ให้พลังงานมากเหมือนคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน แต่ผัก/ผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุ เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อปฏิกิริยาเคมีในร่างกายและช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ โดยการเลือกทานผักและผลไม้หลากหลายให้ได้วันละ 400-500 เพื่อให้ได้ปริมาณวิตามินและแร่ที่ธาตุครบถ้วนและเพียงพอในแต่ละวัน
สรุป….กินยังไง?
หลายๆ คนอาจกำลังนึกสงสัยว่า กินอย่างไรจึงเรียกว่า “มากกว่า” เรามีทิปส์ง่ายๆ มานำเสนอเพียงกิน โปรตีนให้พอ ( 1- 1.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมในแต่ละวัน) หรือเทียบง่ายๆ ถ้าคุณน้ำหนัก 60 กิโลกรัมควรได้รับโปรตีน 90 กรัม ซึ่งหาได้จากอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ ส่วนคาร์โบไฮเดรตได้ จากธัญพืชต่างๆ และน้ำหวานและไขมันบ้าง สำคัญคือการดูแลน้ำหนักตัว เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีจากสมดุลพลังงานของอาหารและกิจกรรมทางกายแล้ว
สำหรับสื่อมวลชน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ:
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ ประเทศไทย
อัมพิกา จารุสมบัติ โทร. 02-627-3501 ต่อ 114 หรือ ajarusombut@hkstrategies.com
อภิญญ์ สิขรวิทย โทร. 02-627-3501 ต่อ 118 หรือ asicoravit@hkstrategies.com