กรุงเทพ--6 ม.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
จากสถิติทั่วโลกพบมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่วันละกว่าหมื่นคน ประเทศไทยแม้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงก็ตาม แต่ก็ต้องเร่งมาตรการที่จะควบคุมอย่างต่อเนื่อง ย้ำช่วยแก้ปัญหาให้เด็กกำพร้าเอดส์
นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายในการควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ว่า ปัญหาโรคเอดส์ยังเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ การแพร่ระบาดกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น จากรายงานข้อมูลของ UNAIDS และ WHO. เกี่ยวกับสถานการณ์เอดส์ทั่วโลก ได้มีการคาดประมาณว่าในปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อเอดส์โดยไม่มีอาการ( HIV ) แล้ว 30.6 ล้านคน ป่วยด้วยโรคเอดส์ 12.9 ล้านคน และเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ 11.7 ล้านคน โดยในปี 2540 มีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ 5.8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 590,000 คน ซึ่งเฉลี่ยโดยรวมแล้วจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 16,000 คน
นายรักเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศไทยจากรายงานข้อมูลของกองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลจากสถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ปี 2527 ถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 พบว่ามีผู้ป่วยเอดส์ 74,748 ราย เป็นชาย 61,119 ราย เป็นหญิง 13,629 ราย คิดเป็นอัตราส่วนชายต่อหญิง 4.5 ต่อ 1 ราย เสียชีวิตแล้ว 19,713 ราย โดยอาชีพที่พบมากที่สุดคือรับจ้างพบร้อยละ 42.2 รองลงมาเกษตรกรรม ร้อยละ 21.8 ค้าขายร้อยละ 4.4 รับราชการและงานบ้านเท่ากันคือร้อยละ 2.9 ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่พบมากใน 5 อันดับแรกคือจังหวัด เชียงใหม่ 8,737 ราย กทม. 7,467 ราย เชียงราย 7,424 ราย พะเยา 4,337 รายและลำปาง 3,514 ราย แต่เมื่อเทียบรายภาคจะพบว่าภาคกลางที่จังหวัดระยองสูงสุด ภาคตะวันออกที่จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคคือเพศสัมพันธ์สูงที่สุดพบถึงร้อยละ 82 รองลงมายาเสพติดชนิดฉีดพบร้อยละ 5.7 การติดเชื้อจากมารดาพบร้อยละ 5.2 และจากการรับเลือดร้อยละ 0.06
นายรักเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนก็ร่วมมือกันอย่างจริงจังในการควบคุมปัญหาดังกล่าว จะเห็นได้ว่าในการรณรงค์ควบคุมป้องกันในประเทศเราได้ผลในระดับหนึ่ง คือสามารถลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ลงได้อย่างชัดเจน เปรียบเทียบข้อมูลได้จากการตรวจชายไทยที่เข้ารับการเกณฑ์ทหาร สถิติพบการติดเชื้อเอดส์ลดลงจากร้อยละ 4 เมื่อ ปี 2535 เหลือร้อยละ 2.2 ในปี 2540 และการติเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ลดลงจากร้อยละ 2.4 ในปี 2538 เหลือ 1.7 ในปี 2540 แต่อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้คือผลกระทบต่อเด็กไทยยังคงเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงอยู่ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการเอดส์ชาติเมื่อสัปห์ดาที่แล้ว ที่ประชุมให้ความสำคัญเรื่องการปกป้องเด็กไทยจากเอดส์อย่างมาก ซึ่งจะต้องดำเนินการเชิงรุกให้มากขึ้น โดยการป้องกันแม่รายใหม่ไม่ให้ติดเชื้อเอดส์ และใกรณีที่แม่ตั้งครรภ์ติดเชื้อเอดส์อยู่แล้วจะหาทางป้องกันไม่ให้ติดเชื้อถึงลูกโดยการให้ยา ซึ่งกำลังทำการศึกษาวิจัยในโรงพยาบาลหลายแห่ง สำหรับเด็กกำพร้าเอดส์ภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเลี้ยงดู โดยให้เด็กใช้ชีวิตอยู่กับญาติต่อไป แทนที่จะไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า--จบ