กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--Ericsson
- ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือซึ่งคิดเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของโลก นับเป็นกลุ่มที่จะเข้ามาผลักดันการเติบโตให้กับสังคมเครือข่าย (Networked Society)
- การปรับเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิตอลในกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมนำมาซึ่งความต้องการรูปแบบใหม่ รวมถึงการสร้างคุณค่าให้กับเครือข่ายในอนาคต
- เครือข่ายหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมที่หลากหลายเป็นตัวผลักดันให้เกิดนวัตกรรม
นาย อูฟ อีวัลซัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของอีริคสัน ยอมรับถึงบทบาทอันสำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เพราะทั้งผู้คนและอุปกรณ์ต่างๆ มีการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นาย อูฟ อีวัลซัน ได้มีได้นำเอาตัวเลขจากอีริคสันโมบิลิตี้ รีพอร์ทล่าสุดมาชี้ให้เห็นว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีการเติบโตของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือที่เห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงเป็นผู้นำในด้านการยอมรับการใช้งาน LTE โดยตัวเลขของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในภูมิภาคนี้คิดเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของโลก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตลาดของเทคโนโลยี LTE ที่ติดอันดับท็อป 5 ถึงอยู่ในภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ ตามรายงานของอีริคสันโมบิลิตี้ รีพอร์ท เผยว่า 65 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั่วโลกจะเข้าถึงการใช้งานเครือข่าย LTE ในปี 2019 และนอกจากนี้ปริมาณโมบายทราฟิคเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดอยู่ในรูปแบบของวิดีโอ ด้วยการแสดงผลเช่นนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ
“ณ ตอนนี้เรากำลังพูดถึง exabyte ซึ่งเป็นหน่วยนับข้อมูลที่เทียบเท่ากับ 1,000 petabytes หรือเทียบเท่ากับ 1,000 x 1,000 terabytes โดยในปี 2019 เราคาดหวังว่าผู้ใช้งานบนโมบายล์เน็ตเวิร์คจะใช้งานวอยซ์ทราฟิคประมาณ 1 exabytes และใช้งานดาต้าทราฟิคประมาณ 20 extabytes นอกจากนี้ ธุรกิจ M2M ซึ่งนับเป็นการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่เสริมเข้ามาจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคด้านข้อมูล รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลบนเครือข่าย”
ในสังคมเครือข่าย (Networked Society) พฤติกรรมของผู้บริโภคและการดำเนินการทางธุรกิจจะมีการปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของดิจิตอล รวมถึงอุตสาหกรรมอีกมากมายที่จะการมีปรับเปลี่ยนตาม โดย รูปแบบการให้บริการและสินค้าต่างๆมีการการติดต่อเชื่อมโยงสื่อสารระหว่างกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับลูกค้ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์จะมีการเชื่อมต่อออนไลน์และแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆในสถานการณ์และสถาพการใช้งานต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในความปลอดภัยของผู้ใช้ ระบบสาธารณสุขทางไกล (Remote Healthcare) ที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แบบเรียลไทม์กลายเป็นทางเลือกที่สะดวกขึ้นสำหรับการรักษาระหว่างหมอและคนไข้ที่อยู่ห่างไกลกัน ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม (Industry Transformation) ก็นำมาซึ่งความต้องการรูปแบบใหม่จากระบบเครือข่าย ซึ่งนั้นก็ทำให้เครือข่ายกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยกลไกสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมต่างๆในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย
ทั้งโมบิลิตี้ บรอดแบรนด์ และคราวด์ ต่างกลายเป็นส่วนประกอบทางเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ นาย อูฟ อีวัลซัน ยังคาดการณ์ว่า “เครือข่ายในอนาคตจะเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่รองรับกับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั่นต้องหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังกับเทคโนโลยีต่างๆ อาทิเช่น คราวด์ ระบบ Software-Defined Networking และระบบ Network Function Virtualization ระบบความปลอดภัย การวางระบบอัตโนมัติ ตลอดจนการจัดการกับระบบข้อมูลในคลาวด์”
เราปรับเปลี่ยนเครือข่ายเพื่อที่จะรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช้เพียงแค่รองรับการใช้สมาร์ทโฟนเท่านั้น โดยในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโลก เราขยายการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆในวงกว้าง เปิดกว้างโอกาสใหม่ๆ นวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาเป็นมาตรฐานระดับโลก เพื่อยกระดับการให้บริการด้านนวัตกรรมต่างๆในสังคมเครือข่าย (Networked Society)