กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--IR network
บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) ใกล้ถึงเวลากลับมาโลดแล่น! ราคาน้ำตาลในตลาดโลกถึงจุดต่ำสุดโบรกฯเคาะราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น ด้านผู้บริหาร “ทัศน์ วนากรกุล”มั่นใจกลยุทธ์ Sugar Energy Complex จะสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่ม KBS ในการเติบโตระยะยาว ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้า จะสามารถรับรู้รายได้ในปี’58 เต็มปี ผลักดันผลประกอบการเติบโตสูง
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์โดยให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้นบริษัทน้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เนื่องจากเชื่อว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนถึง 2 ต่อ คือ 1.การเติบโตของกำไรต่อหุ้น 20-30% ต่อปี ในปี 2558-2560 จากแผนการขยายธุรกิจ และ 2.การ re-rate PE ปี 2558 ที่ 11 เท่าสำหรับโรงน้ำตาลธรรมดา ในขณะที่บริษัทน้ำตาลอีก 2 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมีค่า PE ปี 2558 อยู่ที่ 13-14 เท่า
ทั้งนี้ ให้ราคาเป้าหมายที่ 15 บาท โดยคาดว่าจะมีกำไรจากโรงไฟฟ้า 35 เมกกะวัตต์ ในปีนี้ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนปี 2558 เพิ่มเป็น 120 ล้านบาท และปี 2559 เพิ่มเป็น 135 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำให้”ซื้อ” หุ้น KBS ราคาพื้นฐานในปี 2558 ที่ 12.40 บาท/หุ้น เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำตาลกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัว ประกอบกับปี 2558 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าได้เต็มที่ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่หนุนผลประกอบการของ KBS
บมจ. น้ำตาลครบุรี กำลังอยู่ในช่วงการขยายการลงทุนในธุรกิจน้ำตาลและชีวพลังงาน โดย การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 ได้อนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการโครงการขยายกำลังผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีก12,000 ตันอ้อย/วัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50 และโครงการก่อสร้างโรงงานเอทานอล กำลังการผลิตขนาด 200,000 ลิตร/วัน ทั้งสองโครงการมีกำหนดการสร้างและแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2558 เมื่อดำเนินการตามโครงการทั้งสองแล้วเสร็จ โรงงานนน้ำตาลครบุรีจะเป็น Sugar Energy Complex ที่มีความทันสมัย รองรับกำลังการผลิตสูงสุดได้ 35,000 ตันอ้อย/วัน มีประสิทธิภาพในการผลิต ต้นทุนต่ำ รวมถึงมีการต่อยอดธุรกิจชีวมงลอย่างครบถ้วนเพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุดตลอด supply chain
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) กล่าวว่า มั่นใจว่ากลยุทธ์ Sugar Energy Complex จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม KBS ในการเติบโตระยะยาว ขณะที่รายได้จากจากโรงไฟฟ้าซึ่งจะสามารถรับรู้ในปี 2558 เต็มที่ จะทำให้ผลประกอบเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ในปีหน้าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น เห็นได้จากออเดอร์ของผู้ค้าน้ำตาลในต่างประเทศที่มีเข้ามา และที่สำคัญในปีหน้าเราจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเต็มที่ หลังจากที่ขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปแล้ว ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจน”นายทัศน์กล่าวในที่สุด