กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทย ตลอดจนตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกระแสเงินสดที่มีความแน่นอน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงข้อจำกัดจากการมีโรงพยาบาลหลักเพียงแห่งเดียว และความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโครงการลงทุนในอนาคต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศเอาไว้ได้และคงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไป โดยปริมาณเงินสดคงเหลือที่ค่อนข้างมากและกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจะช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วงที่มีการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคต เมื่อพิจารณาแผนการลงทุนของบริษัทแล้วทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทจะยังสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ให้สูงเกินกว่า 50% ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ดำเนินกิจการโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” บริษัทเป็นผู้นำในการให้บริการด้านสุขภาพภาคเอกชนของประเทศและภูมิภาคเอเชีย โดยโรงพยาบาลของบริษัทมีความสามารถในการให้บริการผู้ป่วยนอกจำนวน 5,500 คนต่อวัน และมีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยในทั้งหมด 580 เตียง บริษัทมีรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างประเทศประมาณ 60% ของรายได้รวม นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยที่ชำระเงินเองคิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้รวมด้วย ในเดือนมีนาคม 2557 บริษัทได้ตั้งบริษัทย่อย คือ Health Horizon Enterprise Pte. Ltd. (HHE) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ เพื่อซื้อกิจการ Bumrungrad Mongolia LLC (BML) โดย BML ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 51% ใน Seoul Seniors Tower LLC (SST) ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินกิจการโรงพยาบาล Ulaanbaatar Songdo (UBSD) ในประเทศมองโกเลีย โดยบริษัทมีต้นทุนค่าซื้อกิจการเท่ากับ 395 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของรายได้ที่มาจากกิจการโรงพยาบาลใหม่ในประเทศมองโกเลียคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักและผลงานทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับมานานกว่า 30 ปี บริษัทเน้นกลุ่มลูกค้าผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มีรายได้สูงโดยใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้านบริการและคุณภาพ บริษัทมีสัดส่วนผู้ป่วยที่มาจากตะวันออกกลางสูงสุดจากจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ การรับผู้ป่วยชาวต่างชาติช่วยให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย รวมทั้งช่วยลดการพึ่งพาผู้ป่วยในประเทศ และลดแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาดบริการสุขภาพภายในประเทศ
ในปี 2556 แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำภายในประเทศและสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,346 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้น 10.5% จาก 12,983 ล้านบาทในปี 2555 สาเหตุหลักมาจากการขึ้นราคาค่าบริการและการเติบโตของรายได้อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรค อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 36.5% ในปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 38.4% ในปี 2556 ส่งผลทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายแข็งแกร่งโดยอยู่ที่ระดับ 4,122 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้นจากระดับ 2,200-3,500 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2551-2555 สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศที่ยืดเยื้อซึ่งส่งผลทำให้จำนวนผู้ป่วยชาวต่างประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยชาวต่างประเทศจะลดลง แต่ความรุนแรงของโรคที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าวยังคงทำให้รายได้รวมของผู้ป่วยชาวต่างประเทศในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 4,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยนั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเติบโตขึ้น 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 39.2% ในปี 2557 จากที่ระดับ 37.9% ในปี 2556
ทริสเรทติ้งคาดหมายว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 6% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า และอัตราส่วนกำไรน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แน่นอนเฉลี่ยประมาณหรือมากกว่า 25% ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
บริษัทอยู่ในช่วงของการขยายธุรกิจโดยยังคงเน้นตลาดบริการสุขภาพระดับบน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อที่ดิน 2 แปลงบนถนนเพชรบุรีและถนนสุขุมวิท ซอย 1 โดยมีแผนจะก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 200 เตียงบนที่ดินที่ถนนเพชรบุรี มูลค่าการลงทุนรวมสำหรับโครงการบนที่ดินทั้ง 2 แปลงอยู่ที่ 9,800 ล้านบาทซึ่งไม่รวมราคาที่ดิน ปัจจุบันโครงการบนถนนเพชรบุรีมีความล่าช้าจนต้องเลื่อนไปจนถึงปี 2558 เนื่องจากอยู่ในระหว่างการออกแบบใหม่เพื่อยื่นขอประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง โดยการก่อสร้างของโครงการนี้จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2558 และแล้วเสร็จในปี 2560 ที่ดินแปลงที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ซอย 1 จะใช้เป็นที่จอดรถในอนาคต ในช่วงปี 2557-2560 บริษัทมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 600-4,000 ล้านบาทต่อปี ด้วยปริมาณเงินสดคงเหลือจำนวน 3,000-6,000 ล้านบาทต่อปีและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอยู่ที่ 3,300-3,900 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ภาระหนี้รวมของบริษัทมีเพียงหุ้นกู้ระยะยาวจำนวน 5,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 33.22%
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BH16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BH18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BH21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable