กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
KTIS – กลุ่มเคทิสยิ้ม ชี้ปีนี้เป็นอีกปีทองของเอทานอล เติบโตทั้งยอดขายและราคาขาย เผยรวมทั้งปียอดขายจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 67 ล้านลิตร ผลิตเท่าไรก็ขายหมด เพราะลูกค้าเชื่อมั่นที่กลุ่มเคทิสส่งมอบได้ตามสัญญามาตลอด ย้ำจุดแข็งมีวัตถุดิบเป็นของตัวเอง พร้อมป้อนเข้าโรงงานได้ตลอดเวลา แย้มเตรียมสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตพลอยได้ หนุนให้สายธุรกิจเอทานอลเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “เคทิส” ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ในปี 2557 นี้ ถือว่า เป็นปีทองอีกปีหนึ่งของสายธุรกิจเอทานอลของกลุ่มเคทิส ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัท เอกรัฐพัฒนา จำกัด (ถือหุ้นโดย KTIS 100%) โดยยอดขายปีนี้น่าจะทำได้สูงกว่า 67 ล้านลิตร ซึ่งเพิ่มจากปี 2556 ประมาณ 5% ในขณะที่ราคาของเอทานอลโดยเฉลี่ยในปีนี้ก็สูงกว่าปีก่อนด้วย โดยราคาขายเฉลี่ยในครึ่งปีแรกปีนี้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 14.6% ดังนั้น จึงเชื่อว่ารายได้จากสายธุรกิจเอทานอลในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน และสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของกลุ่มเคทิสด้วย
“กำลังผลิตเอทานอลของเรา 230,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นโรงผลิตเอทานอลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเราสามารถขายเอทานอลที่ผลิตได้ทั้งหมด ไม่มีตกค้าง นั่นแสดงถึงศักยภาพด้านการตลาดของกลุ่มเคทิส โดยจุดแข็งหนึ่งของกลุ่มเราที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นก็คือ การส่งมอบสินค้าตามสัญญาได้อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง เนื่องจากเรามีวัตถุดิบคือโมลาสที่ผลิตในกลุ่มของเราเอง สามารถป้อนเข้าสู่โรงงานได้ตลอดเวลา” นายณัฎฐปัญญ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่มเคทิส กล่าวด้วยว่า ความต้องการใช้เอทานอลยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาครัฐและเอกชนสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล โดยเฉพาะ E85 และ E20 โดยค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็ได้ให้ความร่วมมือในการผลิตเครื่องยนต์ที่รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลดังกล่าวนี้ ซึ่งเมื่อองค์ประกอบของตลาดเอทานอลมีความพร้อม ทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า (ปั๊มน้ำมันต่างๆ) รวมถึงรถยนต์ ก็ทำให้ตลาดเอทานอลเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มเคทิสอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลพลอยได้ (By products) จากเอทานอล เช่น น้ำกากส่า กากตะกอนยีสต์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ทีมผู้บริหารเคทิสกำลังพิจารณามูลค่าในการลงทุนและผลที่จะได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงเชื่อว่ารายได้จากสายธุรกิจเอทานอลของกลุ่มเคทิสจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
“เราไม่ได้มองในแง่ของการเพิ่มยอดขายแต่เพียงอย่างเดียว ยังมองถึงการมีโอกาสช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยของเราให้ได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ได้อ้อยคุณภาพดี เป็นประโยชน์ทั้งกับชาวไร่อ้อย และเคทิสเอง โดยหากได้ข้อสรุปในเรื่องการลงทุนดังกล่าวนี้แล้ว จะรีบแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบต่อไป” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว