กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแถลงว่าสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)ได้ดำเนินการพัฒนาแนวทางการระดมทุนและการออกตราสารหนี้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องมาโดยตลอด และได้พัฒนาระบบการออกพันธบัตรให้มีความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) โดยการทำธุรกรรม
“Bond Switching” เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถนำพันธบัตรรัฐบาลที่ถือครองอยู่มาแลกเปลี่ยนเป็นพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งจะเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยในการบริหารหนี้เชิงรุกของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยสร้างสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ พร้อมทั้งเป็นทางเลือกและเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการบริหารพอร์ท
การลงทุนให้ดียิ่งขึ้น
สบน. ได้กำหนดที่จะดำเนินธุรกรรม Bond Switching ครั้งแรกของประเทศไทย ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 และคัดเลือกให้สถาบันการเงินจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการดำเนินธุรกรรมการแลกเปลี่ยนพันธบัตรในครั้งนี้ และธุรกรรมการแลกเปลี่ยนพันธบัตรทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2558
ในการนี้ สบน. ได้กำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB155A เป็น Source Bond และคัดเลือก Destination Bond ให้มีรุ่นอายุที่หลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับความต้องการลงทุนของนักลงทุนจากที่ได้มี
การพบปะและหารือกับผู้ร่วมตลาดและนักลงทุนในหลายโอกาส จำนวน 4 รุ่น ดังนี้
รุ่น อายุคงเหลือ ยอดคงค้าง หมายเหตุ
(ณ 28 ต.ค. 2557) (ณ 28 ต.ค. 2557)
1. LB176A 2ปี 8 เดือน 196,000ลบ. -
2. LB191A 4ปี 3 เดือน 46,000ลบ. -
3. LB21DA 7ปี 2 เดือน 201,110ลบ. On-the run / Exclusivity
4. LBA37DA 23ปี2เดือน 115,000ลบ. On-the run / Amortized Bond
ทั้งนี้ สบน. ขอขอบคุณ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ธนาคารตัวแทนจำหน่ายและ
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดันธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ของกระทรวงการคลังในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับและสนับสนุนจากนักลงทุนอย่างหนาแน่น ดังเช่นการออกพันธบัตรรัฐบาลทุกครั้งในช่วงที่ผ่านมา และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันการพัฒนาและยกระดับตลาดตราสารหนี้ไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมระดับสากล และสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดตราสารหนี้ของภูมิภาคได้อย่างเต็มภาคภูมิ