กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ดีลักษณ์ พลัส
จากสถิติการเสียชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 25 คน หรือมีการเสียชีวิตเฉลี่ยชั่วโมงละ 1 คนในแต่ละปี มีมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 230,000 ล้านบาทต่อปี กลายเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่หลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างเร่งรณรงค์เพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 14 ปี ซึ่งมีแนวโน้มการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเพิ่มสูงขึ้น มิชลิน ก็เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจเอกชนที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการสัญจรอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมยางให้มีความปลอดภัย และประหยัดพลังงานมากขึ้นแล้ว มิชลินยังได้จัดทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องภายใต้แคมเปญ Safe on the Road มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 อย่างไรก็ตาม การปลูกจิตสำนึกและปรับพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน เสริมสร้างความรู้และวินัยกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ต้องเริ่มรณรงค์กันตั้งแต่วัยเยาว์ ดังนั้น มิชลิน จึงได้ริเริ่มจัดกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชนในปีที่ผ่านมา
นายเสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ มิชลิน จึงได้ขยายผลการจัดกิจกรรมไปยังกลุ่มครอบครัว โดยร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร และมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดจัดกิจกรรม “Michelin Safe on the Road: Family Bike Rally” เชิญชวน 50 ครอบครัวรักการปั่นเข้าร่วมกิจกรรม ณ สวนลุมพินี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันพร้อมๆ กับการเรียนรู้กฎจราจร การป้องกัน และการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยผ่านประสบการณ์จริงจากการขับขี่แบบสนุกสนานโดยใช้กิจกรรมการปั่นจักรยานมาเป็นตัวเชื่อมแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ปลอดภัย เช่น การเคารพกฎจราจร ความหมายของป้ายสัญญาณต่าง ๆความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อค เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการขับขี่ที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของตนเอง และผู้ร่วมทาง ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
น้องปลื้ม จิรายุ งามถิ่น อายุ 12 ปี เยาวชนนักปั่นที่เข้าร่วมกิจกรรม เล่าว่า กิจกรรมในครั้งนี้ จะมีฐานแรลลี่ ให้เรียนรู้พื้นฐานในการปั่นจักรยาน ซึ่งมีทั้งหมด 3 ฐาน ฐานที่ 1 เรียนรู้เกี่ยวกับป้ายจราจร หรือป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ โดยต้องหาป้ายจราจรให้เจอ และบอกให้ได้ว่าป้านั้นหมายถึงอะไร ฐานที่ 2 การสวมใส่อุปกรณ์ช่วยป้องกันอันตราย ฐานที่ 3 ทักษะและความชำนาญในการขับขี่ “กิจกรรมทั้งหมดทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องการเคารพกฎจราจร ความหมายของป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ รวมถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อก ทุกครั้งที่ปั่นจักรยานพ่อและแม่จะปลูกจิตสำนึกให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว ณ วันนี้เราก็ต้องใส่ใจความปลอดภัยของตัวเราเอง และของผู้อื่นบนท้องถนนด้วย พ่อจะบอกเสมอว่าการเคารพกฎจราจรจะช่วยอุบัติเหตุลดลงได้” น้องปลื้ม เล่า
ด้านนายชัย งามถิ่น พ่อของน้องปลื้ม บอกว่า โดยปกติจะสอนให้น้องปลื้มสวมหมวกกันน็อกและอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่ที่จะปลูกฝังเป็นพิเศษก็คือให้เขาใส่ใจคนรอบข้าง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อย่างเวลาที่ปั่นออกถนนใหญ่ ไม่ว่ารถจะเยอะหรือไม่ก็ตาม จะให้น้องปั่นจักรยานชิดซ้ายเสมอ จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน ต้องสังเกตและใส่ใจกับป้ายจราจรทุกป้าย ไม่ใช่ว่าเราเป็นจักรยานแล้วจะไม่ทำตามกฎจราจร เมื่อทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกฎจราจรอุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้น
อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นรายวัน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ย่อมทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเสมอ หลายหน่วยงาน หลายองค์กรจึงหันมาให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุมากขึ้นและจริงจัง มีการจัดโครงการ รณรงค์หลากหลายวิธี ซึ่งกรุงเทพมหานครก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ วงศ์เสงี่ยม พร้อมด้วยภรรยา และลูก 2 คน มาเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้เพื่อปลูกฝังเด็กๆ ในเรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัยและเข้าใจกฎจรจาจร โดยเฉพาะการสวมหมวกกันน็อค ซึ่งจะต้องรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการเคารพสิทธิการใช้ถนนร่วมกันทั้งผู้ขับขี่รถยนต์ จักรยาน และคนเดินทางเท้า
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย ซึ่งกรุงเทพมหานครพยายามอย่างยิ่งที่จะลดอุบัติเหตุ โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นมหานครแห่งความปลอดภัย และเป็นตัวอย่างในการลดอุบัติเหตุ
แม้วันนี้ ยังให้คงเกิดขึ้นไม่เว้นวัน ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไรก็ตาม หากผู้ใช้รถใช้ถนนมีวินัย เคารพกฎจราจร และปฏิบัติตาม อุบัติเหตุก็จะลดลง แน่นอนว่าทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ ย่อมมีความสูญเสียเกิดขึ้น ถ้าไม่อยากให้ครอบครัว และคนที่เรารักต้องเผชิญกับความสูญเสียนั้น ก็ควรที่จะใส่ใจและปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน แต่เพื่อตัวเราเอง เพื่อครอบครัวของเรา และเพื่อคนที่เรารัก