กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--ซีเอ็ดยูเคชั่น
ถ้าพูดถึงแบรนด์ซีเอ็ด คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง “ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์” ที่ตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าทั่วไป แต่ในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ซีเอ็ดได้เริ่มบุกเบิกธุรกิจศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กระดับประถมศึกษาในชื่อว่า “ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ (SE-ED Learning Center)” เมื่อทิศทาง ของการบุกเบิกธุรกิจการศึกษาของซีเอ็ดมีความลงตัวระดับหนึ่งแล้ว และชัดเจนมากขึ้น จึงอยากจะขออนุญาตชี้แจงให้กับสาธารณชน และผู้ที่สนใจทั่วไปรับทราบ ถึงมุมมองทางด้านการศึกษา และแรงบันดาลใจในการบุกเบิกธุรกิจศูนย์การเรียนรู้ของซีเอ็ด
1. ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการเรียนเสริม การเรียนพิเศษ หรือที่ปัจจุบันมักจะเรียกกันว่า “การเรียนกวดวิชา” นั้นมีมาในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 40 ปีแล้ว ถ้ามองแบบกลางๆ ก็ต้องยอมรับกว่า “การเรียนกวดวิชา” นั้นได้กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งในสังคมไทยไปแล้ว ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันที่คุณพ่อคุณแม่ต่างก็ต้องทำงาน เพื่อหารรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่ความรู้ที่ลูกเรียนที่โรงเรียน หรือต้องใช้ในการสอบแข่งขัน ก็มีความซับซ้อนมากขึ้น “การเรียนกวดวิชา” จึงเป็นทาง เลือกหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักจะใช้เป็นตัวช่วยในการพัฒนาศักยภาพของลูก แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทั้งๆ ที่ “การเรียนกวดวิชา” ก็มีมาไม่น้อยกว่า 40 ปี และที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด เด็กไทยเข้าถึง “การเรียนกวดวิชา” ได้มากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น แต่ทำไมค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทย ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งแตกต่างจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ที่เด็กๆ ในประเทศเหล่านี้ก็มีการเรียนกวดวิชาเช่นกัน แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาโดยเฉลี่ยของเด็กในประเทศเหล่านี้ กลับอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาโดยตลอด นั่นสะท้อนว่า “การเรียนกวดวิชา” ในประเทศไทย มันต้องมีกลไกอะไรบางอย่างที่ควรจะต้องได้รับการปรับปรุงอยู่แน่ๆ
2. ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ มองว่าโรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่ในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่เด็กในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง โดยพยายามเน้นให้เด็กที่มีศักยภาพสูงเหล่านั้น “เรียนล่วงหน้า” และ “เรียนเกินหลักสูตร” ซึ่งการโฟกัสไปที่นักเรียนกลุ่มนี้ โดยที่ละเลยเด็กที่มีศักยภาพในการเรียน แต่ประสบปัญหาเรียนไม่เข้าใจ ขาดความมั่นใจในการเรียน หรือนักเรียนกลุ่มที่มีผลการเรียนปานกลาง แต่ที่มีผลการเรียนดีขึ้นไม่ได้เพราะที่ผ่านมาเรียนแบบท่องจำโดยที่ขาดความเข้าใจ นักเรียนเหล่านี้เป็นนักเรียนที่มีจำนวนมากที่สุด แต่ยังถูกละเลย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมการเรียนกวดวิชาในประเทศไทย จึงไม่สามารถทำให้ค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทยไม่ดีขึ้นตลอดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 40 ปี โรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่ต้องการดึงดูด และให้ความสำคัญกับนักเรียนที่มีศักยภาพสูงเหล่านี้ เพราะว่าเมื่อนักเรียนที่มีศักยภาพสูงเหล่านี้ สอบแข่งขันได้รางวัล โรงเรียนกวดวิชาก็จะสามารถนำเอานักเรียนเหล่านี้ไปใช้โฆษณา และทำการตลาดต่อได้อีก ดังนั้นทิศทางของซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ จึงขอวางบทบาทตนเองไปที่การพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการเรียนไม่เข้าใจ ขาดความมั่นใจในการเรียน และนักเรียนที่มีผลการเรียนปานกลางแต่มีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ตลอดระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เราจะดีใจมากๆ ทุกครั้งที่เราสามารถทำให้เด็กคนหนึ่งที่มีผลการเรียนไม่ดี มีผลสอบอยู่ในอันดับท้ายๆ หรือกลางๆ ของห้อง กลับมาเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางรายกลับมาสอบได้อันดับต้นๆ ของห้อง ซึ่งเรามองว่านี่ต่างหากที่จะเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ที่แท้จริงเกี่ยวกับการเรียนของลูก ดังนั้นซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์เราจึงกำหนดบทบาทของตนเองให้เป็นศูนย์พัฒนาศักยภาพ และความมั่นใจในการเรียน ซึ่งมีบทบาทแตกต่างจาก “โรงเรียนกวดวิชา” ทั่วๆ ไป
3. ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ มองว่า “การเรียนกวดวิชา” ที่จะเป็นตัวช่วยของคุณพ่อคุณแม่ที่ดี และเป็นประโยชน์กับตัวนักเรียน จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4 ส่วนด้วยกัน คือ
? โรงเรียนจะต้องมีกระบวนการที่สามารถค้นหาได้ว่า เด็กแต่ละคนขาดความเข้าใจพื้นฐานในจุดไหน แล้วมีกระบวนการที่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะช่วยปรับพื้นฐานในจุดๆ นั้นให้กับเด็กที่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่การปล่อยให้เด็กเรียนรวมกับเด็กคนอื่นๆ คอยลอกตามที่ครูเขียนบนกระดาน คอยเขียนตามที่ครูบอก โดยอะไรที่ไม่เข้าใจ ก็จะไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น ตราบใดที่ความไม่เข้าใจยังคงอยู่ ต่อให้เรียนเพิ่มมากขนาดไหน ก็ไม่เกิดประโยชน์
? โรงเรียนจะต้องมีกระบวนการที่สามารถทำให้นักเรียนมีความเข้าใจในสิ่งที่เรียน ไม่ใช่แค่ท่องจำสูตรให้แค่มีความสามารถในการทำข้อสอบได้
? โรงเรียนต้องมีกระบวนการที่ทำให้นักเรียนได้ฝึกคิด ฝึกทำ ฝึกอธิบายแนวคิดของตนเอง จนสามารถทำแบบฝึกหัดได้ด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อเด็กมีความเข้าใจในสิ่งที่เรียน จนสามารถทำแบบฝึกหัดได้อย่างถูกต้องด้วยตนเอง เด็กก็จะมีความมั่นใจในการเรียนที่เพิ่มมากขึ้น สนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น และด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นนี้เองจะเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญที่จะทำให้เด็กพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ด้วยตนเองต่อไป ซึ่งความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองนี้เอง ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ในการเรียนในระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา ตลอดจนชีวิตการทำงานในอนาคต
? โรงเรียนจะต้องมีกลไกในการควบคุมมาตรฐาน และคุณภาพการเรียนการสอนที่ดี
4. ปัจจุบัน “การเรียนกวดวิชา” มักจะไปกระจุกตัวอยู่ที่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะ “การเรียนกวดวิชา” ถูกเชื่อว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการที่จะทำให้เด็กสามารถสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ได้ แต่ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์มองว่า “การเรียนกวดวิชา” ในระดับมัธยมศึกษาจะประสบความสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อนักเรียนมีพื้นฐานความรู้ที่ดีในระดับประถมศึกษา โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า วิชาที่มีความสำคัญในระดับประถมศึกษานั้นมีอยู่ 3 วิชาด้วยกัน ก็คือ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาภาษาไทยในฐานะภาษาแม่ แต่ในส่วนวิชาภาษาไทยนั้น ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ มองว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะใช้การส่งเสริมการอ่านในการพัฒนาทักษะภาษาไทยของลูกได้อยู่แล้ว และในการส่งเสริมการอ่านนี้ ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ จึงมุ่งให้ความสนใจใน 2 วิชาสำคัญที่เหลือนั่นก็คือ วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาภาษาอังกฤษ จึงเป็นเหตุผลให้ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ทุกๆ สาขาเปิดการเรียนการสอนใน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรคณิตศาสตร์ FAN Math ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหา และโจทย์คิดวิเคราะห์ ตามแนวทางของ PISA โดยมีการประยุกต์ใช้แนวคิด Bar Modeling ของคณิตศาสตร์สิงคโปร์ และหลักสูตรภาษาอังกฤษ ACTive English ซึ่งเป็นหลักสูตรฝึกทักษะภาษาอังกฤษที่เน้นพัฒนาทักษะการออกเสียง และทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ให้กับเด็กตามมาตรฐาน CEFR ของยุโรป ซึ่งเน้นการสร้างความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ไม่ใช่การสอนให้เด็กท่องจำหลักไวยากรณ์ หรือกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อไปทำข้อสอบภาษาอังกฤษ โดยที่เด็กไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการพูด ฟัง อ่าน เขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย
ปัจจุบันมีซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์อยู่ทั้งสิ้น 26 สาขา ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดการเรียนกวดวิชาในประเทศไทยที่มีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านบาท แม้ว่าอัตราการเกิดจะลดลง แต่ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่มีจำนวนลูกที่ลดลง โดยปัจจุบันครอบครัวหนึ่งมักจะมีลูกประมาณ 1 - 2 คน จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่พร้อมที่จะทุ่มเท และลงทุนในด้านการศึกษา และการพัฒนาศักยภาพของลูกเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าเด็กกลุ่มใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อ คือเด็กที่อยู่ในกลุ่มที่มีศักยภาพแต่มีผลการเรียนปานกลาง ที่ยังสามารถพัฒนาได้ และเด็กที่อยู่ในกลุ่มประสบปัญหาเรียนไม่เข้าใจ หรือขาดความมั่นใจในการเรียน ถ้าซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นกลไกในการช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ของเด็กที่อยู่ในกลุ่มนี้ในเรื่องเกี่ยวกับการเรียนของลูก และการพัฒนาศักยภาพของลูกได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีความเชื่อว่าซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปตามย่านที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และในต่างจังหวัดที่มีการพัฒนาของชุมชนใหม่ที่มีอัตราการเติบโตของครอบครัวสมัยใหม่ โดยมีแผนการที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายในระยะแรกที่ 40 - 50 สาขา และเป้าหมายระยะกลางที่ 60 - 80 สาขา ซึ่งสิ่งที่ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์เน้นที่สุดคือ การควบคุมมาตรฐานการเรียนการสอนของแต่ละสาขา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กๆ ทุกคนที่มาเรียนที่ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์จะมีพัฒนาการ และความก้าวหน้าในการเรียน - - ด้วยอัตราการขยายสาขาในอัตรานี้ ทำให้ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์มั่นใจได้ว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพการเรียนการสอน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ตั้งใจเอาไว้ได้ หากท่านใดต้องการติดตามความคืบหน้า และรายละเอียดของซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ ก็สามารถติดตามได้ที่ www.se-edlearning.com หรือ www.fanmath.com (หลักสูตรคณิตศาสตร์ FAN Math) หรือ www.act-english.com (หลักสูตรภาษาอังกฤษ ACTive English)
หมายเหตุ:
กรณีที่ต้องการสัมภาษณ์ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ สามารถติดต่อประสานงานได้ที่ คุณนภาวรรณ พรสุขไพบูลย์ 02-739-8232 โดยทางซีเอ็ดเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามที่สื่อมวลชนต้องการค่ะ
เมื่อซีเอ็ดตัดสินใจบุกเบิก SE-ED Learning Center
โดย ดร. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้อำนวยการ SE-ED Learning Center
Tel: 0-2739-8888 Email:slc@se-ed.com