กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
บีโอไอขอนแก่นผนึกกำลังบีโอไอชลบุรี นำคณะนักธุรกิจไทยจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก บุกขยายตลาดการค้าและการลงทุนใน 4 เมืองใหญ่ ของเมียนมาร์ มัณฑะเลย์-พุกาม-ย่างกุ้ง และพะโค พร้อมจัดกิจกรรมพิเศษหารือภาครัฐและเอกชน บุกชมโรงงานผู้ผลิตเครื่องเขินชื่อดังของรัฐบาล และโรงงานผลิตทานาคา สมุนไพรภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง
นางสาวรัตนวิมล นารี ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 3 (ขอนแก่น) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2557 บีโอไอขอนแก่นร่วมกับศูนย์เศรษฐกิจภาคที่ 4 หรือ บีโอไอชลบุรี จัดกิจกรรมนำผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เดินทางไปสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เส้นทาง มัณฑะเลย์-พุกาม-ย่างกุ้ง-พะโค เพื่อศึกษาลู่ทางการลงทุน และหาโอกาสในการสร้างเครือข่ายหรือเจรจาหาคู่ค้าร่วมกับนักธุรกิจในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับกลุ่มเอสเอ็มอีของไทย รองรับทิศทางของการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558
ทั้งนี้เอสเอ็มอีของไทยจะมีโอกาสได้ประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาโอกาสทางการค้าการลงทุนกับหอการค้ามัณฑะเลย์ พบปะและเยี่ยมชมโรงงานของผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในเมียนมาร์จนประสบความสำเร็จ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือสหพัฒน์ และโอกาสนี้เอสเอ็มอีไทย จะได้ลงพื้นที่สำรวจธุรกิจการค้าการลงทุนและตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ตลาดขายส่งเซโซ (Zaycho) และตลาด มิงกาลาร์เซ (Mingalar Zay) และตลาดบากิ่น (Bagint Market) ซึ่งเป็นตลาดที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคและสินค้าแปรรูปเกษตรจากไทยที่ใหญ่ที่สุดในย่างกุ้ง รวมถึงพบหารือกับผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมพะโค
พร้อมกับร่วมกิจกรรมพิเศษ เยี่ยมชมโรงงานผู้ผลิตเครื่องเขินรายใหญ่ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลเมียนมาร์ และชมโรงงานผลิตเครื่องสำอางทานาคา ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง
“ปัจจุบันเมียนมาร์เป็นประเทศที่น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเป้าหมายอันดับแรก ของ บีโอไอ ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุน กิจกรรมในครั้งนี้จึงจะเป็นโอกาสพิเศษของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่ม เอสเอ็มอีที่จะได้เข้าไปศึกษาลู่ทางและศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนในแต่ละพื้นที่ของเมียนมาร์ได้โดยตรง เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการมองหาโอกาสขยายตลาดการค้า การลงทุน หรือเชื่อมโยงการผลิต ที่อาจเป็นรูปแบบของการร่วมทุนกับผู้ประกอบการเมียนมาร์ ในอนาคต” นางสาวรัตนวิมล กล่าว
นางสาวรัตนวิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ สามารถแจ้งความประสงค์พร้อมกรอกแบบตอบรับส่งกลับมาที่สำนักงานภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 นี้ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-3840-4906 และ 0-432-71300-2 ทุกวันเวลาราชการ