เต็ดตรา แพ้ค แดรี่ อินเด็กซ์ ชี้ ต้องสร้างสมดุลอย่างระมัดระวัง เพื่อรับมือความต้องการทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

ข่าวทั่วไป Wednesday November 5, 2014 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี ภายในปี 2567 การบริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 36 โดยช่องว่างในตลาดผลิตภัณฑ์นมจะขยายตัวกว้างขึ้นระหว่างตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ Tetra Pak® เต็ดตรา แพ้ค®บริษัทชั้นนำของโลกในด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม เผยแพร่รายงาน “แดรี่ อินเด็กซ์” ฉบับที่ 7 ของบริษัทฯ โดยรายงานเน้นให้เห็นถึงโอกาสและความท้าทายอันเป็นผลมาจากอุปสงค์โดยรวมทั่วโลกที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าอุปทานในช่วงทศวรรษหน้า บริษัทฯ ระบุว่าผู้ผลิตในตลาดผลิตภัณฑ์นม ทั้งตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ จะต้องคิดหาวิธีสร้างสมดุลอย่างระมัดระวัง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะรับประกันได้ถึงความสำเร็จที่ยั่งยืน รายงาน แดรี่ อินเด็กซ์ ของ เต็ดตรา แพ้ค เปิดเผยว่า ในทศวรรษหน้าความต้องการผลิตภัณฑ์นมโดยรวมทั่วโลกจะพุ่งขึ้นร้อยละ 36 โดยมีปัจจัยหลักมาจากประชากรที่เพิ่มขึ้น ความเจริญมากยิ่งขึ้น และการขยายตัวของเมืองทั้งในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา อย่างไรก็ตาม ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของผลิตภัณฑ์นม จะเกิดขึ้นทั่วโลก กล่าวคือ ตลาดผลิตภัณฑ์นมที่เกิดใหม่จะยังคงไม่สามารถผลิตน้ำนมดิบเองได้มากเพียงพอ ต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์นมที่พัฒนาแล้วซึ่งผลิตได้เกินความต้องการในประเทศจะเผชิญความท้าทายเรื่องการแข่งขันด้านการส่งออกและการรับมือกับการบริโภคในประเทศที่ลดน้อยลง มิสเตอร์เดนนิส ยอนสัน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เต็ดตรา แพ้ค ให้ความเห็นว่า “การที่อุปสงค์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ให้บริษัทผู้ผลิตนมในตลาดที่พัฒนาแล้วได้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมผงและนมที่เก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติไปยังตลาดที่กำลังเติบโต อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตเหล่านี้จะต้องสร้างสมดุลให้ดีระหว่าง “ความสำเร็จที่คว้าไว้ได้ทันที” จากการส่งออก กับการสร้างการเติบโตให้กับตลาดในประเทศของตนเอง ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว” มิสเตอร์เดนนิส ยอนสัน กล่าวเสริมว่า “ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตนมในตลาดที่ยังคงต้องพึ่งการนำเข้าจะต้องเอาชนะความท้าทายในการสร้างอุปทานของนมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืนพร้อมๆ กับการเร่งก้าวให้ทันกับ อุปสงค์ที่เติบโตขึ้น ซึ่งหลายประเทศ อาทิ จีนและซาอุดีอาระเบีย กำลังดำเนินการในทิศทางดังกล่าวด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งเพิ่มการลงทุนฟาร์มโคนมภายในประเทศ ผสานความร่วมมือกับบริษัทต่างชาติที่รากฐานมั่นคง และสร้างความหลากหลายด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า โดยพื้นฐานแล้วมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้บรรลุวิธีการสร้างสมดุลที่สำคัญ เพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมนมที่ยั่งยืน” อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน แดรี่ อินเด็กซ์ ของ เต็ดตรา แพ้ค ทั้งฉบับล่าสุดและฉบับย้อนหลังได้ที่ www.tetrapak.com/dairyindex

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ