กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
กำหนดเข้าฉาย ปลายปี 2548
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น แฟนตาซี
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
กำกับภาพยนตร์ บัณฑิต ทองดี (เฮี้ยน, มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟ.เอ็ม)
บทภาพยนตร์ ทรงศักดิ์ มงคลทอง, บัณฑิต ทองดี, โจ วรรณพิณ
ผู้กำกับภาพ สิทธิพงศ์ กองทอง
กำกับศิลป์ โสภณ พูลสวัสดิ์
ออกแบบงานสร้าง ดุสิต เอี่ยมอ่วม
ออกแบบคิวบู๊ ทีมพันนา ฤทธิไกร
นำแสดงโดย เมทินี กิ่งโพยม, อานนท์ สายแสงจันทร์ (ปู แบล็กเฮด),
วสันต์ กันทะอู, จินวิภา คงบัว, ดารุณี กฤตบุญญาลัย,
ปริญญา เจริญผล
เรื่องย่อและเกร็ดภาพยนตร์
การนำเอาแนวคิดทางด้าน "พุทธปรัชญาแห่งเอเชีย" และ "เหล็กไหล" วัตถุธาตุที่เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจอันทรงอานุภาพ และขุมพลังลึกลับที่เกิดจากการบ่มเพาะและหล่อหลอมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอันยาวนาน มาตีความใหม่ภายใต้แนวทางของ ภาพยนตร์แอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่แบบไทยๆ อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกของเมืองไทย โดยได้ปรัชญา ปิ่นแก้วรับหน้าที่ควบคุมงานสร้าง และทีมออกแบบกำกับคิวบู๊ของพันนา ฤทธิไกร ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ องค์บาก รับหน้าที่ออกแบบ และกำกับคิวบู๊แอ็คชั่น ภายใต้การกำกับภาพยนตร์โดย บัณฑิต ทองดี ที่ทำให้ "มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม" และ "เฮี้ยน" เป็นภาพยนตร์ทำเงินที่กวาดรายได้อย่างมากมายของเมืองไทยมาแล้ว
ด้วยรูปแบบของภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่น ที่เน้นความสมจริงซึ่งถูกนำมาผสมผสานกับงานเทคนิคพิเศษทางด้านภาพเพื่อถ่ายทอดพลานุภาพของเหล็กไหลทั้งในส่วนของความแข็งแกร่ง การยึดหดตัว รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างเหล็กไหลและเลือดเนื้อในตัวร่างกายเป็นหนึ่งเดียวในตัวของ "มนุษย์เหล็กไหล" ให้สามารถโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มได้อย่างเหนือจริง
ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ เหล็กไหลจันทรา (ความเย็น) และ เหล็กไหลสุริยัน (ความร้อน) รวมตัวกันคราใด ก็จะนำมาซึ่งขุมพลังแห่งอำนาจเอนกอนันต์ อันยากเกินกว่าสรรพวุธอื่นใดจะสามารถสยบและหยุดยั้งได้ แต่แล้วแผนการครอบครองเหล็กไหลดังกล่าวของ อุสมาห์ (อานนท์ สายแสงจันทร์) หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางหาได้เป็นอย่างที่คิดไม่ ถึงแม้ อารีน่า (เมทินี กิ่งโพยม) สมุนมือขวาของตนจะสามารถแย่งชิง เหล็กไหลจันทรา (วัชรธาตุ หรือ หยดน้ำฟ้า อันศักดิ์สิทธิ์) มาจาก พูนิมา (จินนิภาพ คงบัว) เทพผู้ปกป้องประจำ อารามแห่งหนึ่งในธิเบตมาได้แล้วก็ตาม แต่ในระหว่างการปล้นตัวอุสมาห์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจากเรือนจำคุ้มครองพิเศษจากทางการไทยเกิดความผิดพลาดขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ในเรือนจำ จนทำให้เหล็กไหลสุริยันทิ่มแทงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของ ฌาณ (วสันต์ กันทะอู) นักดับเพลิงหนุ่มผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ต้องตื่นตะลึงกับพลังลึกลับและฤทธานุภาพของเหล็กไหลที่อยู่ในตน
ทางเดียวที่จะไม่ให้พลังแห่งความร้อนแรงที่เกิดขึ้นจากเหล็กไหลแผดเผาเลือดเนื้อ และร่างกายของฌาณ คือจะต้องเรียนรู้การควบคุมสภาวะความรุ่นร้อนในอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากส่วนลึกในจิตใจของตนให้จงได้และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังจากเหล็กไหลที่ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อและร่างกาย และที่สำคัญจะต้องรับมือกับพลานุภาพของเหล็กไหลจันทราที่บัดนี้ถูกนำไปพัฒนาระดับขั้นของพลังเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีกจากกลุ่มก่อการร้ายของอุสมาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างพลานุภาพของเหล็กไหลทั้ง 2 ขั้วภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ชายหนุ่มอย่างฌาณ หรืออีกนัยหนึ่งคือ "มนุษย์เหล็กไหล" จะต้องรับมือ
เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นฮีโร่ในแบบไทยๆ เอกลักษณ์และความโดดเด่นของ "มนุษย์เหล็กไหล" อยู่ที่การได้ ชัยพร พานิชทรุทติวงศ์ (ผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ "ปังปอนด์แอนิเมชั่น", และ ฉากแอนิเมชั่นใน "ต้มยำกุ้ง") มารับผิดชอบในการดีไซน์คาแรคเตอร์ให้มีความแข็งแกร่ง มีลีลาและท่วงท่าอันทรงพลัง พร้อมทั้งดูแลทางด้านเทคนิคพิเศษทางด้านภาพของมนุษย์เหล็กไหล นอกจากนี้ยังได้ให้ อ.ช่วง มูลพินิจ เป็นผู้ออกแบบลวดลายอักขระของยันต์เก้ายอดลงบนผืนผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บชุดมนุษย์เหล็กไหล เพื่อขับเน้นความเป็นไทยบนตัวซูเปอร์ฮีโร่อย่างมนุษย์เหล็กไหล ซึ่งการออกแบบครั้งนี้ถือเป็นงานศิลป์ที่ผสมผสานความเป็นสากลและความเป็นไทยรวมไว้ผ่านซูเปอร์ฮีโร่ของไทยอย่างแท้จริง
กับความท้าทายในผลงานเรื่องที่ 3 ของผู้กำกับผู้ไม่ยอมหยุดนิ่งคนนี้ ใช้เวลาร่วม 2 ปีในการเตรียมบท โปรดักชั่น รวมทั้งการรังสรรค์ฉากการต่อสู้ คิวบู๊และแอ็คชั่นในแนวใหม่ที่เต็มไปด้วยจินตนาการอันสุดแฟนตาซี เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังกำลังที่เหนือธรรมชาติของ "เหล็กไหล" ภายใต้ฉากหลังของสถานที่สำคัญและสัญลักษณ์สำคัญของเมืองไทย รวมไปถึงการถ่ายทำในเมืองมะนัง ประเทศเนปาล ดินแดนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของมนต์ขลังซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่เก็บเหล็กไหลอันศักดิ์สิทธิ์ที่หนึ่งของโลก เพื่อถ่ายทำฉากเปิดเรื่องที่กล่าวถึงที่มาของเหล็กไหล เพื่อให้ได้สัมผัสถึงความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนในดินแดนแห่งนั้นจริงๆ ซึ่งมีความสำคัญกับเนื้อหาของภาพยนตร์ไม่น้อยไปกว่าฉากแอ็คชั่นระดับ "บิ๊ก" สุดอลังการที่ส่วนใหญ่จะถ่ายทำกันในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นฉากการต่อสู้เพื่อไล่ล่าเหล่ากลุ่มก่อการร้ายที่มีฉากเป็นสะพานพระราม 8 สะพานซึ่งมีโครงสร้างที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยที่มนุษย์เหล็กไหลต้องกระโดดลงมาจากสะพานเพื่อช่วยกลุ่มตำรวจต่อสู้กับเหล่าร้าย และยังมีฉากการต่อสู้ระหว่างมนุษย์เหล็กไหลกับช้างพลาย ที่ถือเป็นแอ็คชั่นที่ยังไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์เรื่องใด และไฮไลท์สำคัญที่เป็นฉากการปะทะของพลานุภาพของเหล็กไหลทั้งสองชนิดที่มีขีดพลังที่เท่ากัน หากแต่ต่างกันที่จิตในการควบคุมพลัง ระหว่างพลังของเหล็กไหลสุริยันที่อยู่ในตัวของมนุษย์เหล็กไหล และพลังจากเหล็กไหลจันทราที่จะเปลี่ยนคู่ปรับของมนุษย์เหล็กไหลให้กลายเป็น "มนุษย์น้ำแข็ง" ซึ่งฉากการปะทะกันครั้งนี้จึงเป็นการระดมทีมงานทั้งทางด้านการออกแบบคิวแอ็คชั่น และเอฟเฟคต์ต่างๆ รวมไปถึงการเตรียมงานในการสร้างสรรค์ภาพด้วยเทคนิคหลังการถ่ายทำและคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่จะมาช่วยเสริม เพื่อให้ได้ภาพของการต่อสู้อันทรงพลังและสมศักดิ์ศรีกับอานุภาพที่เหนือจินตนาการของตัวละครทั้งสอง
"มนุษย์เหล็กไหล" จึงถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับบล็อกบัสเตอร์ ด้วยแนวภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซี ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างฉากการต่อสู้อันสุดตระการตาบวกกับแนวคิดปรัชญาและหลักความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของคนไทย เปรียบเสมือนความลงตัวของ "ความร้อน" และ "ความเย็น" ที่หลอมรวมเป็นความสนุก ความมัน อันน่าติดตาม
สามาถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--