กรุงเทพ--22 ต.ค.--บมจ.ธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารกสิกรไทย ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2541 ปรากฎว่า ธนาคารมีเงินฝาก 569,052.3 ล้านบาท มีเงินให้สินเชื่อ จำนวน516,509.9 ล้านบาท และมีสินทรัพย์จำนวน 733,272.3 ล้านบาท โดยธนาคารขาดทุนเป็นเงิน 19,347.5 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วที่กำไร 2,587.0 ล้านบาท และขาดทุนต่อหุ้น 16.53 บาทเทียบกับไตรมาสสามปีที่แล้วที่กำไรต่อหุ้น 3.23 บาท ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 11,000 ล้านบาท
สำหรับหมายเหตุการดำเนินงานของธนาคาร มีดังนี้
1. ผลจากภาวะตกต่ำของตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง และโดยยึดหลักความระมัดระวังยิ่งขึ้น ธนาคารได้โอนผลขาดทุน จากราคาที่ตลาดลดลงอย่างถาวรของหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน (securities for investment) ประเภทหลักทรัพย์หุ้นจดทะเบียนจำนวน 6,739 ล้านบาท (รวม บง.ภัทรธนกิจจำนวน 5,650 ล้านบาท)ซึ่งเคยแสดงยอดในส่วนของผู้ถือหุ้น มาแสดงไว้เป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน และได้กันสำรองเผื่อการลดราคาหลักทรัพย์หุ้นทุนและตราสารหนี้อื่นอีก จำนวน 511 ล้านบาท ในงบกำไรขาดทุน
2. ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้เปลี่ยนเกณฑ์ระงับการรับรู้ดอกเบี้ยค้างรับเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิสำหรับลูกหนี้ที่ค้างชำระดอกเบี้ย จากค้างชำระเกินกว่า 6 เดือนเป็นเกินกว่า 3 เดือน ซึ่งเป็นการปฏิบัติก่อนวันที่ 1 มกราคม 2542 อันเป็นกำหนดเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบังคับ
3. ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการประกาศลงวันที่ 30 มิถุนายน 2541ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ และการกันสำรองสำหรับลูกหนี้ที่จัดชั้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่งวดการบัญชีหกเดือนหลังปี 2541 ธนาคารได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่แล้วในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 และได้กันเงินสำรองดังกล่าวไว้เกินกว่าอัตราขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
4. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมีความผันผวนมาก ธนาคารได้ใช้หลักความระมัดระวังในการแสดงผลการดำเนินงาน โดยพิจารณาไม่ใช้ประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนสุทธิที่เคยบันทึกเป็นภาษีเงินได้รอตัดบัญชีไว้ในงวดก่อน จำนวน 2,032 ล้านบาท การปฏิบัติดังกล่าวมิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีภาษีเงินได้รอตัดบัญชี(Deferred income tax) แต่ธนาคารได้ใช้ดุลยพินิจ ในการที่จะเลือกปฏิบัติเช่นนี้