กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ปภ.
มท.1 ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง สั่งกำชับอธิบดีกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัตตานี เตรียมรับมือ แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า ได้รับรายงาน จาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยถึงภาวะฝนตกหนักจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมพื้นที่ภาค ใต้ตอนล่าง โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และปัตตานี ส่วนใหญ่เป็นน้ำท่วมขัง จากระบายน้ำไม่ทัน
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขสถานการณ์ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง เข้าสู่ภาวะปกติ ทั้ง 2 จังหวัดแล้ว ทั้งนี้ ได้สั่งการอธิบดีกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช และปัตตานี ให้เตรียมพร้อมรับมือ แก้ไขปัญหา จากภาวะฝนตกหนัก
โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย ตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว ระดมสรรพกำลัง เครื่องมืออุปกรณ์สาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ทันทีที่เกิดภัย รวมถึงประสานข้อมูลพยากรณ์อากาศ สถานการณ์น้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
ตลอดจนประสานการปฏิบัติกับฝ่ายพลเรือนและหน่วยทหารในการเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะการระบายน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่สำคัญ และเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยปฏิบัติตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นอกจากนี้
ให้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ปภ.ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ แจ้งเตือน รายงานสถานการณ์ภัย ประสานการปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับจังหวัดอย่างใกล้ชิด ซึ่ง
ปภ.จะติดตามและรายงานสถานการณ์ภัยเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ สามารถแจ้งเหตุและติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป