กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) ผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและในประเทศ พร้อมซื้อขายใน mai 11 พ.ย. นี้ เป็นหลักทรัพย์ลำดับที่ 16 ของ mai ในปีนี้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 โดย NCL ให้บริการจัดการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ด้วยบริการวางแผน จัดการ และการแก้ปัญหาเพื่อให้สินค้าของลูกค้าเคลื่อนย้ายไปสู่จุดเป้าหมายด้วยระยะเวลาที่สั้นและคุ้มต้นทุน ครอบคลุมบริการขนส่งทั้งระหว่างประเทศ ทางทะเล และทางอากาศ และภายในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลาก ปัจจุบันมีรถหัวลาก 50 คัน และรถหางลาก 98 คัน โดยมีลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการเพื่อการส่งออกและนำเข้า และผู้ให้บริการจัดการขนส่งสินค้า (freight forwards)
NCL มีทุนชำระแล้ว 105 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 325 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 95 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท เมื่อวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2557 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 171 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 756 ล้านบาท มีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ ไปลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไปในอนาคต
NCL มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวพัวถาวรสกุล ถือหุ้น 59.05% บจก.ร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี ถือหุ้น 14.29% นายสุขสันต์ กิตติภัทรพงษ์ และนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ถือหุ้นรายละ 1.19% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 23.45 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 กรกฎาคม 2556 – 30 มิถุนายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆทั้งหมด
ในวันทำการแรกของเดือนมกราคม 2558 mai จะนำหลักทรัพย์จัดแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (mai Industry group) 8 กลุ่ม ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ซึ่ง NCL จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริการ (SERVICE)
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.nclthailand.com และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048/ อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796 /
อรสิริ บุญแต้ม 0 2229 2799