กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--Porsche Centre Bangkok
สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องระหว่าง 9 เดือนแรกของปี 2014 ด้วยยอดส่งมอบ รายได้ และกำไรที่เพิ่มมากขึ้น รถสปอร์ตกว่า 135,642 คัน ได้ถูกส่งมอบให้กับลูกค้าถือว่าเพิ่มขึ้น 13% ส่วนรายได้สูงขึ้นอีก 17% เป็น 12.24 พันล้านยูโร และผลกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น 2% นั่นคือ 1.93 พันล้านยูโร จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 21,950 อัตรา ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่ปอร์เช่เปิดดำเนินการมา เมื่อปีที่ผ่านมามีจำนวนพนักงานเพียง 18,882 อัตราเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเพิ่มขึ้นอีก 16%
Lutz Meschke สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายการเงินและ IT ของปอร์เช่ ได้เน้นเรื่องของการเจริญเติบโตทางด้านผลกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่องว่า “แม้เราจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เช่น การพัฒนาระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเพิ่มการลงทุนสำหรับปอร์เช่เพื่อให้เติบโตอย่างหยั่งยืนและมั่นคง แต่เราก็ยังคงสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานไว้ได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันโดยเพิ่มขึ้นทุกปี และสูงขึ้นกว่า 2014 ถึง 16% สำหรับ 9 เดือนแรกของปี ถือได้ว่าเราได้ทำตามเป้ากลยุทธ์ ที่ตั้งไว้ได้เป็นอย่างดี” และ Lutz Meschke ยังได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่า “ผมเชื่อมั่นว่าเราจะจบปี 2014 ด้วยยอดกำไรที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
Matthias Muller ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารของปอร์เช่ ได้ให้เหตุผลถึงการใช้เงินลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สูงมากให้กับปอร์เช่ไว้ว่า เป็นการพัฒนาที่เน้นเรื่องของอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนารถ plug-in hybrid ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า “พวกเรานำเสนอรถยนต์ที่มาพร้อมกับ Plug-in ไฮบริดถึง 3 รุ่นนั่นคือคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid), พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) และ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบรนด์เดียวในโลกที่นำเสนอนวัตกรรมนี้ในกลุ่มตลาดรถพรีเมี่ยม” การพัฒนานี้ส่งผลให้เห็นว่าปอร์เช่ได้ส่งสัญญาณสู่ลูกค้าทั่วโลกแล้วถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่ง Matthias Muller ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมไว้ว่า “กฏและเงื่อนไขเกี่ยวกับมลพิษคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับโรงงานผลิตรถสปอร์ต พวกเรายอมรับต่อความท้าทายนี้และถือว่าเป็นผลดี พวกเรามีความประสงค์ในการสรรสร้างรถที่มีความสปอร์ตมากที่สุดควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมาพัฒนาและใช้กับรถเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุดควบคู่กันไปอีกด้วย”
ปอร์เช่ 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 12.4–8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร(8.06-12.20 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 289–191 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ (Boxster)/เคย์แมน (Cayman): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 9.0–7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (11.11–12.66 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 211–183 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne - 2015): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5–6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (8.70-15.15 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 267–173 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการบริโภคพลังงานแบบผสมผสานอยู่ที่ 20.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 79 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne - 2014): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5–7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (8.70-13.89 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 270–189 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7–6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร
(9.35-15.63 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 249–169 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1 ลิตร/ 100 กิโลเมตร (32.25 กิโลเมตร/ลิตร), อัตราการบริโภคพลังงานแบบผสมผสานอยู่ที่ 16.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 9.2–6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87-16.4 กิโลเมตร/ลิตร), อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 216–159 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1–3.0 ลิตร/ 100 กิโลเมตร (32.25-33.33 กิโลเมตร/ลิตร), อัตราการบริโภคพลังงานแบบผสมผสานอยู่ที่ 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 72–70 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศ เยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th