กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--เอสเอ็มอีแบงก์
เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดโครงการร่วมลงทุน SMEs - OTOP เตรียมวงเงินโครงการ 100 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่มีนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือต่อยอดภูมิปัญญาไทย พร้อมจับมือบริษัท เอ็ม.ที.อาร์. แอสเส็ท แมนเนเจอร์ จำกัด เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา พัฒนาองค์ความรู้ครบวงจร
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ได้เปิดตัว “โครงการร่วมลงทุน SMEs-OTOP” (Venture Capital for SMEs - OTOP)โดยมีนางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ เอสเอ็มอีแบงก์ ร่วมกับ บริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ จำกัด ( M. T. R. Asset Managers ) ซึ่งมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นประธาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs-OTOP เพื่อร่วมกันสนับสนุนโครงการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าธนาคาร หรือที่ผ่านการคัดเลือกจากหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมมือกับธนาคาร
ทั้งนี้โครงการร่วมทุน SMEs-OTOP ดังกล่าว คณะกรรมการธนาคารกำหนดวงเงินร่วมลงทุน ไม่เกิน 5% ของเงินกองทุนธนาคาร โดยเบื้องต้นตั้งเป้าวงเงินรวมโครงการ 100 ล้านบาท แต่คาดว่าในระยะแรกธนาคารคงใช้เงินลงทุนไม่มากนัก เพราะการร่วมลงทุนธนาคารจะคัดกรอง SMEs ขนาดเล็ก วงเงินลงทุนต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ลูกค้าขนาดเล็กที่ได้รับการคัดกรองจากธนาคารนั้น จะต้องมีศักยภาพ และผลประกอบการที่ใช้ได้อยู่แล้ว โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามารอ แต่ไม่สามารถผลิตสินค้าหรือบริการได้ตามความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไม่ต้องการใช้เงินกู้มาขยายกิจการ หรือ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงอยู่แล้ว ดังนั้นการร่วมลงทุนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ด้วยเงินทุนที่ไม่มีดอกเบี้ย นอกเหนือจากนี้ ธนาคารจะว่าจ้างเอกชน ให้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง หรือ Fund Manager เพื่อมาดูแลเรื่องการบริหารจัดการ ด้านบัญชี การตลาด เพื่อให้สามารถนำเงินลงทุนที่มีอยู่มาก่อเกิดประโยชน์ต่อกิจการต่อไป
ในส่วนของบริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนใน SMEs ขนาดเล็กที่มีนวัตกรรม โดยธนาคารจะคัดเลือก SMEs ให้บริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ พิจารณาและหากจำเป็นก็สนับสนุนเงินให้สินเชื่ออีกด้วย
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่ม SMEs ที่บริหารจัดการโดยคนรุ่นใหม่ที่รวมตัวกันประมาณ 100 ราย SMEs กลุ่มนี้ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนกับธนาคาร ซึ่งธนาคารก็จะศึกษาและประสานงานกับ SMEกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป