กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า ในฐานะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่ดีมีคุณภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรอง แต่ปัญหาที่ผ่านมากลับพบว่าราคาที่เกษตรกรขายได้กลับไม่แตกต่างกับสินค้าผลผลิตทางการเกษตรทั่วๆ ไป เนื่องจากไม่มีแหล่งระบายผลผลิต ไม่มีสถานที่พบปะกันโดยตรงระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับผู้ซื้อสินค้า ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ไม่มีอำนาจต่อรองในเรื่องราคา ทำให้เกษตรกรได้สัดส่วนของผลกำไรไม่มากนัก จึงไม่เกิดแรงจูงใจให้เกษตรกรพัฒนาผลผลิตของตนเองให้มีมาตรฐานการผลิตที่สูงขึ้น หรือมีผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ ทั้งในด้านบรรจุภัณฑ์หรือลักษณะเฉพาะของท้องถิ่น กระทรวงเกษตรฯ จึงมีแนวคิดในการหาช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกร เป็นผู้จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรถึงผู้บริโภคโดยตรง ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยราชการและภาคเอกชนในจังหวัดเป็นพี่เลี้ยงในการขับเคลื่อนในช่วงแรก
สำหรับพื้นที่ดำเนินการตลาดเกษตรกร กระทรวงเกษตรฯ ได้วางเป้าหมายที่จะดำเนินการในทุกจังหวัดทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 จังหวัดละ 1 แห่งก่อนในเบื้องต้น เพื่อนำมาประเมินผลและปรับปรุงให้สามารถขยายผลไปตั้งตลาดเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัดให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ จุดที่ตั้งตลาดเกษตรกร ทุกจังหวัดจะกำหนดพื้นที่ตลาดในแหล่งชุมชนเมือง หรือสถานที่ราชการในเมืองที่มีความสะดวกในการซื้อขาย มีความปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และเปิดขายอย่างน้อย 1 วัน/สัปดาห์ในระยะแรก เพื่อดึงดูดคนในเมืองซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นคนชั้นกลางและมีฐานะดีที่สนใจช่วยเหลือเกษตรกร หรือมีรสนิยมสินค้าที่สะอาด สวยงาม ปลอดภัย ต้องการสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ ให้มาเยี่ยมชมหรือซื้อผลผลิตจากเกษตรกร
“หลักการของตลาดเกษตรกร คือ เกษตรกรเป็นผู้จำหน่ายเองโดยตรง ดังนั้น สินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายก็คือสินค้าที่หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เข้าไปส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีคุณภาพและได้มาตรฐานเพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผ่านการรับรองในกระบวนการผลิตต่างๆ เช่น การผลิตการเกษตรที่ดี (GAP) การแปรรูปที่ดี (GMP) สินค้า Q สินค้าที่ปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ทั้งสินค้าในกลุ่มพืช ประมง และปศุสัตว์ ซึ่งแม้ว่าราคาสินค้าจะสูงกว่าตลาดทั่วไปแต่ผู้บริโภคจะได้สินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยมกลับไปบริโภคอย่างแน่นอน”นายปีติพงศ์ กล่าว
นายปีติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ จะมีการติดตามประเมินโครงการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งข้อมูลสินค้าที่เกษตรกรนำมาจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตั้งตลาดเกษตรกร ตัวเลขการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เลือกซื้อสินค้า รสนิยมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงพัฒนาในด้านการผลิตให้สอดคล้องกับการตลาดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะหมายถึงสินค้าจะมีการหมุนเวียนในระบบตลาดของแต่ละจังหวัด หรือมีการเชื่อมโยงไปยังกลุ่มจังหวัดใกล้เคียงที่จะตอบโจทย์ในเรื่องผลผลิตล้นตลาดได้อีกทางหนึ่ง โดยขณะนี้พบว่าหลายๆ จังหวัดได้เริ่มดำเนินการแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เมื่อเห็นสัญลักษณ์ตลาดเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ ขอให้เข้าไปเลือกชมหรือซื้อสินค้าจากเกษตรกรที่เป็นผู้จำหน่ายเอง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรให้มีรายได้ที่มั่นคง และกลับมาพัฒนาผลผลิตที่จะออกมาจำหน่ายต่อไป.