กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ปภ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กำชับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด 10 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม รวมถึงคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ในช่วงวันที่ 13 – 16 พฤศจิกายน 2557 จากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น
โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนัก จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง กรณีสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานการอพยพและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในพื้นที่ภาคใต้ ว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกเพิ่มมากขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง
และคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 13 – 16 พฤศจิกายน 2557 จึงได้สั่งการให้กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด 10 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม รวมถึงคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง
โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ที่เกิดภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา จุดอ่อนน้ำท่วมขัง และริมชายฝั่งทะเล พร้อมตรวจสอบเขื่อนฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หากไม่มั่นคงแข็งแรงและเป็นอันตรายให้พิจารณาสั่งปิดและอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที กรณีสถานการณ์รุนแรง ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพื่อประสานการอพยพและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใน พื้นที่เสี่ยงภัยของ 10 จังหวัดดังกล่าว โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา จุดอ่อนน้ำท่วมขังและริมชายฝั่งทะเล ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด
รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ส่วนชาวเรือ ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป