กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ฟิทช์เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ Phatra ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F2(tha)’
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของ Phatra พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเองเพียงอย่างเดียว และสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับกลุ่มนักลงทุนสถาบันและกลุ่มนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ (high-net-worth) และธุรกิจวาณิชธนกิจ อีกทั้งอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระดับหนี้สินของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเสี่ยงด้านตลาด และความอ่อนไหวต่อการผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังไม่ได้พบว่าหลักการในการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านการปรับตัวเพิ่มขึ้นของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จากการลงทุน (risk appetite) หรือความผันผวนของการลงทุน และยังคงเชื่อว่าผลงานในการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันความเสี่ยงของบริษัทที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ดังนั้นอันดับเครดิตของบริษัทจึงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
Phatra ได้รับประโยชน์จากบริษัทแม่ (ธนาคารเกียรตินาคิน; หรือ KK) เช่นการแนะนำลูกค้าระหว่างกัน การให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวได้สะท้อนไปในแนวโน้มทางธุรกิจและแนวโน้มทางด้านการเงินของ Phatra แล้ว
ผลการดำเนินงานของ Phatra มีความอ่อนไหวต่อภาวะตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกันกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจค้าหลักทรัพย์อื่นๆในประเทศไทย การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นน่าจะยังคงมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ Phatra ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่า Phatra จะยังคงจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงในอุตสาหกรรมเนื่องจากบริษัทมีความชำนาญในด้านธุรกิจหลักทรัพย์ อีกทั้งบริษัทยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีรายได้จากธุรกิจที่หลากหลาย
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตของ Phatra ที่พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง นับว่าเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่ฟิทช์ได้ทำการจัดอันดับเครดิต โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจากปัจจุบันนับว่าค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มหากบริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นหรือมีการปรับลดโครงสร้างความเสี่ยงโดยรวมและมีระดับหนี้สินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและสามารถรักษาปัจจัยดังกล่าวไว้ได้ตลอดวัฏจักรอุตสาหกรรรมและสามารถแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความความอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาดที่ลดลง
การมีระดับหนี้สินที่สูงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน (รวมถึงการมีระดับหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในช่วงปี 2556) การลดลงอย่างมากของสภาพคล่อง (รวมถึงการใช้หนี้สินระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก) หรือการลดลงของความสามารถในการทำกำไร น่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิต การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จากการลงทุนและ/หรือการผันผวนของการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ Phatra เช่นกัน
การพึ่งพิงการสนับสนุนจาก KK เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างรายได้และด้านเงินทุนอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ Phatra ทั้งนี้ KK เองก็กำลังเผชิญกับความกดดันในด้านความแข็งแกร่งทางการเงิน ดังนั้น ความแข็งแกร่งทางการเงินที่ปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญส่งผลกระทบต่อบริษัทและอันดับเครดิต ของ Phatra